เอเอฟพี - เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.) สหรัฐฯ ประกาศมาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดทั้งในส่วนของเหล็กลวดคาร์บอน และเหล็กอัลลอยจาก 7 ประเทศ รวมไปถึงอิตาลี เกาหลีใต้ แอฟริกาใต้ สเปน ตุรกี ยูเครน และอังกฤษ โดยการเพิ่มกำแพงศุลกากรอีก 147.6%
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (26 ต.ค.) ว่า วอชิงตันถือว่าประเทศที่อยู่ในลิสต์เหล่านี้จำหน่ายสินค้าของตัวเองในสหรัฐฯที่ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม หรือ Fair Value อ้างอิงจากแถลงการณ์
“การทุ่มตลาดของสินค้าที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาด(Marget Value)ในสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯชุดทรัมป์นั้นต้องการจัดการอย่างจริงจัง” รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ วิลเบอร์ รอซ (Wilbur Ross) แถลง
และในแถลงการณ์ยังชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยืนหยัดเพื่อคนงานอเมริกันและธุรกิจอเมริกาเพื่อให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายจะทำการค้าภายใต้กติกาที่ยุติธรรม
เอเอฟพีรายงานว่า กำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้นนั้นแตกต่างตามแต่ละบริษัทที่อยู่ภายใต้แต่ละประเทศในรายชื่อทั้ง 7 ได้แก่ อิตาลี เกาหลีใต้ แอฟริกาใต้ สเปน ตุรกี ยูเครน และอังกฤษ นั้นจะมีภาษีเพิ่มตั้งแต่ 2.8% ไปจนถึง 147.6% ซึ่งพบว่ามาตรการต้านทุ่มตลาดนี้จะถูกใช้เบื้องต้นไปจนกว่าผลของการสอบสวนจาก 2 คณะที่แยกกันจะเสร็จสิ้นในเดือนมกราคมปี 2018 โดยการสอบสวนแรกมาจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ และการสอบสวนที่ 2 มาจากคณะกรรมการการค้าระว่างประเทศสหรัฐฯ (ITC) ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อให้ผลการพิจารณาอย่างเป็นอิสระ
ทั้งนี้ พบว่าในปีที่ผ่านมามีการนำเข้าลวดเหล็กเส้นจากอิตาลี เกาหลีใต้ แอฟริกาใต้ สเปน ตุรกี ยูเคน และอังกฤษ ราว 12.2 ล้านดอลลาร์ 45.6 ล้านดอลลาร์ 7.1 ล้านดอลลาร์ 40.7 ล้านดอลลาร์ 41.4 ล้านดอลลาร์ 55 ล้านดอลลาร์ และ 20.5 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
เอเอฟพีรายงานว่า พบว่ามีการใช้มาตรการที่คล้ายกันนี้ต่อการนำเข้าเส้นลวดเหล็กที่มาจากเบราลุส รัสเซีย และยูเออี
นับตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ใช้มาตรการนโยบายปกป้องการค้าต่อสินค้าบางส่วน ที่รวมไปถึงผลิตภัณฑ์โลหะนำเข้า ไม้ซุงจากแคนาดา พลังงานไบโอดีเซลจากอาร์เจนตินา