ปัดข่าวทรัมป์กับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซดเกาเหลาประเด็นเกาหลีเหนือ

รอยเตอร์ - จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯในวันอังคาร(3ต.ค.) ปัดกระแสข่าวลือ ความไม่ลงรอยกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับรัฐมนตรีต่างประเทศ ในแนวทางจัดการกับเกาหลีเหนือ ระบุอเมริกายังโฟกัสไปที่การหาทางออกด้านการทูตสำหรับคลี่คลายข้อพิพาทกับเปียงยาง

ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งสาดโคลนด่าทอและข่มขู่กันไปมากับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลัง กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (1 ต.ค.) ว่า เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศ “กำลังเสียเวลาเปล่า” ในความพยายามเจรจากับเปียงยางเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์

ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก ทิลเลอร์สันกล่าวระหว่างเดินทางเยือนจีนเมื่อวันเสาร์ (30 ก.ย.) ว่าสหรัฐฯ มีช่องทางติดต่อสื่อสารโดยตรงกับเกาหลีเหนือและกำลังหยั่งเชิงดูว่าเปียงยางสนใจที่จะเจรจาด้วยหรือไม่ ทั้งนี้เขาแสดงความหวังว่าจะลดความตึงเครียดกับโสมแดง ที่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วในการมุ่งสู่เป้าหมายพัฒนาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถโจมตีได้ไกลถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ

“ผมมองไม่เห็นความเห็นต่างกันมากมายอย่างที่ตีความกันเลย” แมตทิสกล่าว “คำชี้แนะของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อทั้งตัวผมและรัฐมนตรีทิลเลอร์สัน ชัดเจนอย่างมากว่าเราจะแสวงหาความพยายามทางการทูต ในนั้นรวมถึงความคิดริเริ่มต่างๆ นานากับจีน”

แมตทิส ให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาต่อว่า “ผมเชื่อว่ารัฐมนตรีทิลเลอร์สันถูกต้องที่เน้นย้ำว่าเรากำลังสำรวจโอกาสที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือ สิ่งที่พวกเราทำคือสำรวจตรวจสอบ เรายังไม่ได้เจรจากับพวกเขา ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดของประธานาธิบดีที่บอกว่าจะไม่เจรจากับพวกเขาจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม”

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ดูเหมือนว่ามีความไม่ลงรอยกันระหว่างทำเนียบขาวกับกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นด้านนโยบาย แต่ทำเนียบขาวระบุว่าทรัมป์ยังคงเชื่อมั่นในตัวของทิลเลอร์สัน ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

ทรัมป์ เคยประกาศยับยั้งความทะเยอทะยานทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ด้วยเปียงยางดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ซึ่งถือเป็นครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อวันที่ 3 กันยายน นอกจากนี้ยังขู่ทดสอบระเบิดไฮโดรเจนเหนือแปซิฟิกด้วย

ทำเนียบขาวของทรัมป์และกระทรวงการต่างประเทศ ยังใช้จุดยืนที่แตกต่างกันในนโยบายต่างประเทศประเด็นอื่นๆ ในนั้นรวมถึงข้อพิพาทเกี่ยวกับกาตาร์ เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา

ทรัมป์ หนุนหลังพวกผู้นำชาติอาหรับในอ่าวเปอร์เซีย ที่กำหนดมาตรการคว่ำบาตรกาตาร์ ตามคำกล่าวหาสนับสนุนอิหร่านและนักรบอิสลามิสต์ แต่ เพนตากอนและมิลเลอร์สัน แสดงท่าทีระมัดระวังต่อมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว ที่ส่งผลกระทบทั้งด้านการทหาร การค้าและมนุษยธรรม

ทั้งนี้ หลังจากข้อพิพาทยืดเยื้อหลายเดือน ทรัมป์ ปรับเปลี่ยนท่าทีโอนเอนเข้าหาจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศมากขึ้น