คนนับหมื่นต้านพวกชาตินิยมผิวขาว แห่แสดงพลังกันเนืองแน่นที่บอสตัน

เอเจนซีส์ - ผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวรวมตัวแน่นถนนหลายสายในบอสตันเมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.) ทำเอาการชุมนุมของพวกชาตินิยมผิวขาวในเมืองเดียวกันกร่อยด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมแค่ไม่กี่สิบคน อย่างไรก็ตาม มีการปะทะกับตำรวจ แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงนองเลือดเหมือนที่เวอร์จิเนียเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน

เดิมทีการชุมนุม “เสรีภาพในการแสดงออก” ของกลุ่มขวาจัดกำหนดเวลาเริ่มต้นไว้ที่ 14.00 น. วันเสาร์ที่บอสตัน คอมมอน ซึ่งเป็นสวนสาธารณะเก่าแก่ที่สุดของอเมริกา แต่ก่อนเริ่มต้นราวครึ่งชั่วโมงตำรวจได้เข้าประกบผู้เข้าร่วมชุมนุม ซึ่งดูเหมือนมีจำนวนแค่หลักสิบเท่านั้น เพื่อให้เคลื่อนขบวนผ่านกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวอย่างปลอดภัย

เจ้าหน้าที่ประเมินว่า ผู้ประท้วงต่อต้านพวกเหยียดผิวมีจำนวนราว 40,000 คน โดยมีผู้ถูกจับกุม 27 คน ส่วนใหญ่เกิดจากการจู่โจมและทำร้ายตำรวจ รวมทั้งพฤติกรรมผิดระเบียบ ซึ่งภาพถ่ายทางอากาศเผยให้เห็นขบวนผู้ต่อต้านการเหยียดผิวที่อัดแน่นถนนหลักหลายสายของบอสตัน ซึ่งเป็นฐานเสียงของเดโมแครต

ผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวชุมนุมตะโกนคำขวัญ “ไม่เอานาซี ไม่เอาคูคลักซ์แคลน ไม่เอาฟาสซิสต์” ผู้ชายคนหนึ่งชูป้ายมีข้อความว่า “หยุดแกล้งทำเป็นว่าการเหยียดผิวคือการรักชาติเสียที” ขณะที่ร้านอาหารบางแห่งสัญญาจะบริจาคกำไรจากการขายในวันเสาร์ให้กลุ่มเคลื่อนไหวเอียงซ้าย บางร้านขึ้นป้ายงดให้บริการกลุ่มชาตินิยมผิวขาว

จากการวางแผนรักษาความปลอดภัยนานหนึ่งสัปดาห์ ทางการบอสตันประกาศห้ามพกพาอาวุธในสถานที่ชุมนุมโดยเด็ดขาด รวมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ถึง 500 นาย นอกจากนั้นยังนำรถขยะและคอนกรีตมาขวางรอบสถานที่ชุมนุม เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยรถยนต์เหมือนที่เกิดขึ้นที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์และในยุโรป

ฝูงชนโห่ใส่ผู้เข้าร่วมชุมนุม “เสรีภาพในการแสดงออก” ทุกครั้งที่เดินเข้า-ออกจากที่ชุมนุม เสียงการปราศรัยของกลุ่มชาตินิยมยังถูกกลบจากเสียงของผู้ชุมนุมต่อต้านความรุนแรง กระทั่งแกนนำตัดสินใจยุติการชุมนุมก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

วิลเลียม อีแวนส์ ผู้บัญชาการตำรวจบอสตัน แถลงยกย่องเจ้าหน้าที่ ที่สามารถควบคุมฝูงชนทั้งสองฝ่ายให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย และสำทับว่า 99.9% ของผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวมาด้วยเหตุผลที่ชอบธรรม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตชมเชยผู้ประท้วงในบอสตันที่แสดงให้เห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับความเกลียดชังและแนวคิดที่ไร้เหตุผล พร้อมระบุว่า อีกไม่นานอเมริกาจะกลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

“ประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเราแตกแยกมาหลายทศวรรษ บางครั้งคุณต้องออกมาประท้วงเพื่อเยียวยา ซึ่งจะทำให้เราดีขึ้นและแข็งแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน” ผู้นำสหรัฐฯ ระบุ

การชุมนุมนี้มีขึ้นในช่วงที่อเมริกากำลังถกเถียงกันอย่างหนักในประเด็นเชื้อชาติ ซึ่งตึงเครียดมากขึ้นหลังจากทรัมป์ปกป้องผู้ร่วมชุมนุมกลุ่มชาตินิยมขวาจัดและนีโอนาซีในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ ที่รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วว่า “เป็นคนดีมาก”

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้หญิงสาวคนหนึ่งเสียชีวิต เมื่อสมาชิกกลุ่มชาตินิยมสุดขั้ว “ไวท์ซูพรีเมซิสต์” คนหนึ่งขับรถพุ่งชนกลุ่มประท้วงต่อต้านความรุนแรง ส่วนทรัมป์ถูกวิจารณ์อย่างหนัก รวมทั้งถูกโดดเดี่ยวจากทั้งภายในพรรครีพับลิกัน รวมถึงชาติพันธมิตรใกล้ชิดของอเมริกา เนื่องจากไม่ยอมประณามกลุ่มนีโอนาซีและชาตินิยมสุดขั้ว

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีการประท้วงต่อต้านความรุนแรงในอีกหลายเมืองของสหรัฐฯ เช่นที่ดัลลัส รัฐเทกซัสเมื่อค่ำวันเสาร์ ที่มีผู้เข้าร่วมราว 2,500 คน ซึ่งนอกจากจะแสดงเจตจำนงต่อต้านการเหยียดผิวแล้ว ยังเรียกร้องให้ย้ายรูปปั้นผู้นำสมาพันธรัฐที่สนับสนุนการใช้แรงงานทาสในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา ด้านหนังสือพิมพ์ดัลลัส มอร์นิง นิวส์รายงานว่า แม้มีการเผชิญหน้า แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือถูกจับกุม

ส่วนที่แอตแลนตา มีประชาชนประมาณ 2,000 คนเดินขบวนอย่างสันติจากตัวเมืองไปยังหลุมฝังศพมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำการเรียกร้องสิทธิพลเมืองที่ถูกลอบยิงเสียชีวิต