xs
xsm
sm
md
lg

In Clip : ไทยน่าเอาอย่าง! “อินโดนีเซีย” ถือโอกาสปูตินเป็นเสือลำบาก ใช้ “น้ำมันปาล์ม-กาแฟ” แลกกับบินรบขับไล่ SU-35 ถึง 11 ลำหน้าตาเฉย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี /เอเจนซีส์ - จาการ์ตาแถลงวันนี้ (8 ส.ค.) ว่า ในโอกาสที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ จะเดินทางมาเยือนอินโดนีเซีย ทางจาการ์ตาถือโอกาสที่จะใช้สินค้าที่หาได้ในประเทศ น้ำมันปาล์มและกาแฟ แลกเปลี่ยนกับเครื่องบินรบขับไล่สัญชาติรัสเซียรุ่น SU-35 จำนวน 11 ลำ ส่วน MOU ความเข้าใจลงนามฉลุยกลางกรุงมอสโกสัปดาห์ที่แล้ว

เอเอฟพีรายงานวันนี้ (8 ส.ค.) ว่า โฆษกกระทรวงพาณิชย์อินโดนีเซียกล่าวผ่านแถลงการณ์วันนี้ (8 ส.ค.) ว่า อินโดนีเซียและรัสเซียได้ร่วมลงนาม MOU กรอบข้อตกลงความเข้าใจการแลกเปลี่ยนเครื่องบินขับไล่สัญชาติรัสเซีย ซุคฮอย (Sukhoi) จำนวน 11 ลำกับสินค้าคอมโมดิตีพื้นฐานหลักของแดนอิเหนา เกิดขึ้นกลางกรุงมอสโกสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ มาโรลอพ เนงโกลัน (Marolop Nainggolan) ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า “แนวความคิดนี้ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมีบางคนได้เสนอว่า ทางอินโดนีเซียสมควรที่จะแลกเปลี่ยนเครื่องบินรบขับไล่รัสเซียกับสินค้าคอมโมดิตีพื้นฐานหลักของทางเรา”

เอเอฟพีชี้ว่า ที่ผ่านมาสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้ทำการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างหนัก ลงโทษการที่เครมลินเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งภายในสหรัฐฯ และปัญหาการผนวกไครเมีย

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีพาณิชย์อินโดนีเซีย เองการ์ตียัซโต ลูกีตา (Enggartiasto Lukita) ชี้ว่า“ ***การที่เครมลินที่ถูกบีบจากการคว่ำบาตร จำเป็นต้องหาตลาดใหม่ นั้นอาจถือได้ว่าเป็นข่าวดีของทางอินโดนีเซีย***

ในระหว่างการเยือนกรุงมอสโกในสัปดาห์ที่แล้ว ลูกีตาให้ความเห็นว่า “เป็นโอกาสดีที่ทางเราไม่สมควรให้หลุดไปง่ายๆ”

ทั้งนี้ รัฐมนตรีพาณิชย์แดนอิเหนาให้ความเห็นต่อว่า ข้อตกลงการแลกเปลี่ยนนี้เกิดขึ้นระหว่างบริษัทรอสเทค (Rostec) ของรัสเซียและบริษัท พีที เปรูซาฮาน เปอร์ดากันกัน อินโดนีเซีย (PT Perusahaan Perdagangan Indonesia) อาจเป็นจุดเริ่มต่อข้อตกลงการค้าระดับทวิภาคีอื่นๆ ที่นำไปสู่ด้านพลังงานและทางอากาศในอนาคต

แต่อย่างไรก็ตาม เอเอฟพีชี้ว่า กรอบระยะเวลาและมูลค่าของการแลกเปลี่ยนยังไม่ชัดเจนในขณะนี้ แต่ทว่าสื่อรัสเซีย RT รายงานโดยอ้างจากรอยเตอร์ ในการเปิดเผยของลูกีตาเมื่อวันจันทร์ (7 ส.ค.) ว่า เครื่องบินรบขับไล่ที่ทางรัสเซียจะใช้ในการแลกเปลี่ยนคือ เครื่องบินรบขับไล่ซุคฮอย ซู 35 (Sukhoi Su-35) 11 ลำ และในส่วนของอินโดนีเซียจะใช้สินค้าของแดนอิเหนาตั้งแต่กาแฟไปจนถึงผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม และยุทธภัณฑ์ทางยุทธวิธีต่างๆ

รายงานของทางฝั่งรัสเซียชี้ว่า ทางบริษัทรัสเซียขอใช้สิทธิ์ที่จะเลือก “สินค้า” ที่ได้รับจากการแลกเปลี่ยนที่ได้มาจากแดนอิเหนา และรวมไปถึงสิทธิที่จะเลือกคู่ค้าและผู้ผลิตสำหรับความร่วมมือภายใต้ข้อตกลงนี้ อ้างอิงจากบริษัท รอสเทค

โดยในแถลงการณ์ของรอสเทคกล่าวว่ า “ข้อตกลงนี้อนุญาตให้ทางเราสามารถเลือกสินค้าของทางอินโดนีเซียที่จะมีความเหมาะสมกับตลาดรัสเซีย ซึ่งการหารือถึงกลุ่มสินค้าที่เข้าข่ายนี้จะอยู่ในที่ประชุมของคณะกรรมการที่ปรึกษาพิเศษที่จะถูกตั้งขึ้นในภายหลัง”

ทั้งนี้ ข้อมูลการเปิดเผยถึงการใช้น้ำมันปาล์มและกาแฟแลกกับเครื่องบินรบรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากที่ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียได้เปิดฉากเยือนประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา 2 วัน

RT ชี้ว่าอินโดนีเซียมีประสบการณ์กับเครื่องบินขับไล่สัญชาติรัสเซียมาแล้ว หลังจากที่ได้ซื้อเครื่องบินรบซุคฮอย 16 ลำเมื่อปี 2003 ในช่วงระหว่างถูกปิดล้อมทางการค้าโดยสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปด้านการค้าอาวุธ และข้อหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในติมอร์ตะวันออกปี 1999

ที่ผ่านมาจาการ์ตาพยายามที่จะหาตลาดใหม่เพื่อขายน้ำมันปาล์ม ซึ่งอินโดนีเซียเป็นผู้นำระดับโลกอันดับ 1 ในการผลิต หลังจากที่เกิดการหดตัวในตลาดยุโรป โดยมีการนำผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มมาใช้อย่างกว้างขวางในด้านการปรุงอาหาร เครื่องสำอาง และพลังงานไบโอดีเซล เป็นต้น





กำลังโหลดความคิดเห็น