รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ซึ่งเผชิญข้อครหาเล่นพรรคเล่นพวกจนคะแนนนิยมร่วงผลอยแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ยืนยันวันนี้ (24 ก.ค.) ว่าไม่เคยสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐเลือกปฏิบัติเป็นกรณีพิเศษต่อเพื่อนสนิทของตน และย้ำว่าสหายผู้นี้ก็ไม่เคยเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล “แม้แต่ครั้งเดียว”
อาเบะ และเหล่าผู้ช่วยคนสนิทเคยออกมาพูดย้ำหลายครั้งว่า รัฐบาลไม่เคยใช้อำนาจแทรกแซงเพื่อออกใบอนุญาตให้ โคทาโร คาเกะ เพื่อนเก่าของนายกฯ เปิดโรงเรียนสัตวแพทย์ “คาเกะ งะคุเอ็น” ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ผลสำรวจล่าสุดพบว่า คะแนนนิยมของอาเบะ ลดลงเหลือไม่ถึง 30% ซึ่งนอกจากจะเป็นเพราะข้อครหาช่วยเหลือพวกพ้องแล้ว คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังเริ่มรู้สึกว่ารัฐบาลชุดนี้ยิ่งยโส และเชื่อมั่นในฐานเสียงมากเกินไป
ปรากฏการณ์ขาลงนี้ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า อาเบะ อาจไม่สามารถชนะศึกเลือกตั้งสมัยที่ 3 ใน ก.ย.ปี 2018 และคงจะหมดโอกาสขึ้นแท่นนายกฯ ผู้ครองอำนาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
อาเบะ ชี้แจงระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (24) ว่า การที่ประชาชนรู้สึกหวาดระแวงนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากตนและ คาเกะ เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมา ทว่า คาเกะ “ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว” ที่จะขอสิทธิพิเศษใดๆ จากตน
“เขาไม่เคยร้องขอหรือโน้มน้าวอะไรผมเกี่ยวกับการเปิดโรงเรียนสัตวแพทย์แห่งใหม่” อาเบะ กล่าว
เมื่อคณะกรรมาธิการสอบถาม อาเบะ ว่าเขาเคยพยายามแทรกแซงกระบวนการออกใบอนุญาตหรือไม่ ผู้นำญี่ปุ่นก็ประกาศชัดเจนว่า “ผมไม่เคยออกคำสั่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆ ที่เฉพาะเจาะจง”
อาเบะยืนยันว่า รัฐบาลจะฟื้นคืนความเชื่อมั่นของประชาชนด้วยการ “สร้างผลงาน” ให้เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและการทูต
เมื่อต้นเดือนนี้ พรรคโทมิน เฟิสต์ (หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Tokyo Citizens First = ชาวโตเกียวเป็นอันดับแรก) ของ ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการหญิงกรุงโตเกียว และกลุ่มพันธมิตรอิสระ ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญด้วยการคว้าที่นั่งสมาชิกสภามหานครโตเกียวไปถึง 79 ที่นั่งจากทั้งหมด 127 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคแอลดีพีของ อาเบะ ได้ไปเพียง 23 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงของประเทศ และทำให้แอลดีพีเหลือสมาชิกสภามหานครโตเกียวอยู่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากของเดิม
ล่าสุด ผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้านยังสามารถคว้าเก้าอี้นายกเทศมนตรีเมืองเซนไดไปได้อีกสนาม เมื่อวานนี้ (23)
ผลสำรวจโดยหนังสือพิมพ์ไมนิจิชิมบุนระหว่างวันที่ 22-23 ก.ค. พบว่า คะแนนนิยมของอาเบะ ในเวลานี้เหลือเพียง 26% ลดลง 10 จุดจากการสำรวจครั้งก่อนหน้าในเดือน มิ.ย. นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่นร้อยละ 56 ที่ตอบแบบสอบถามยังระบุว่า “ไม่สนับสนุนรัฐบาลอาเบะ” เพิ่มขึ้นจากเดิม 12 จุด