นายกฯ สิงคโปร์ชี้แจงสภากรณีพี่น้องรุมด่าฝืนคำสั่งพ่อ-จ่อดันลูกชายนั่งเก้าอี้นายกฯ (ชมคลิป)

เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง แห่งสิงคโปร์ เข้าชี้แจงต่อรัฐสภากรณีศึกสายเลือด “พี่น้องตระกูลลี” ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความตกตะลึงต่อชาวสิงคโปร์อย่างมากวันนี้ (3 ก.ค.) โดย ลี ยืนกรานปฏิเสธคำกล่าวอ้างของน้องชายและน้องสาวที่ระบุว่า ตนใช้อำนาจโดยมิชอบฝ่าฝืนคำสั่งบิดาผู้ล่วงลับ และเตรียมดันลูกชายขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ ซึ่งเข้าข่ายเอื้อประโยชน์พวกพ้อง

การโพสต์ข้อความสาดโคลนบนโซเชียลมีเดียระหว่างนายกฯ ลี กับน้องชายและน้องสาวของเขาเกี่ยวกับมรดกที่บิดาได้เหลือทิ้งไว้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสิงคโปร์ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ครอบครัวผู้นำถูกปิดกั้นมาโดยตลอด

“ข้อกล่าวหาของพวกเขาไม่มีมูลเลยแม้แต่น้อย” ลี แถลงระหว่างการประชุมสภาตามวาระปกติ



ลี เว่ยหลิง และ ลี เซียนหยาง กล่าวหานายกฯ ลี ผู้เป็นพี่ว่าฉกฉวยประโยชน์จากมรดกที่บิดาทิ้งไว้ และพยายามปั้นลูกชายให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสิงคโปร์คนต่อไป

ศูนย์กลางความขัดแย้งอยู่ที่บ้านแบบบังกาโลซึ่งรัฐบุรุษ ลี กวนยู และภรรยาเคยอาศัยอยู่จนถึงบั้นปลายชีวิต โดยผู้อาวุโส ลี ได้สั่งเสียลูกๆ ให้รื้อบ้านหลังนี้ทิ้ง เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิด “ลัทธิบูชาบุคคล” ขึ้นหลังจากที่ตนตายไปแล้ว ทว่านายกฯ ลี ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตกลับไม่ทำตามคำสั่ง และยังวางแผนปูทางให้บุตรชาย ลี ฮองยี เข้าสู่สนามการเมืองด้วย

นายกฯ ลี ได้ขอให้มีการจัดอภิปรายแบบเปิดในรัฐสภา หลังจากที่มีการโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กโจมตีตนและภรรยา โฮชิง ซึ่งเป็นผู้บริหาร เทมาเส็ก โฮลดิงส์ บริษัทลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ พร้อมขออภัยต่อประชาชนที่เหตุทะเลาะวิวาทในครอบครัวส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศต้องเสื่อมเสีย

ล่าสุดวันนี้ (3) ลี ยังคงยืนกรานปฏิเสธทุกข้อหาที่น้องๆ กล่าวโทษ พร้อมเตือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้น “ทำลายชื่อเสียงของสิงคโปร์ไปมากพอแล้ว”

“ถ้าไม่มีการชี้แจง ข้อกล่าวหาเหล่านี้อาจทำให้ชาวสิงคโปร์สูญเสียความเชื่อมั่นในรัฐบาล”

ลี กล่าวเสริมว่า ชาวสิงคโปร์ “เบื่อหน่ายกับเรื่องนี้เต็มทน และหวังให้มันจบ ผมเองก็ไม่สบายใจที่เรื่องราวบานปลายมาถึงขั้นนี้”

ตระกูล ลี ได้รับการยกย่องจากชาวสิงคโปร์เกือบจะเทียบเท่าราชวงศ์ และเป็นครอบครัวนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลสูงสุดมาตลอดระยะเวลาเกือบ 60 ปี

ลี กวนยู ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่สิงคโปร์ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1959 และครองเก้าอี้อยู่นานถึง 31 ปี ก่อนจะตัดสินใจวางมือให้ผู้นำรุ่นสองอย่าง โก๊ะ จ๊กตง ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศในปี 1990 และต่อมา โก๊ะ ก็ได้ส่งมอบอำนาจต่อให้แก่ ลี เซียนลุง ผู้เป็นบุตรชายคนโตของอดีตนายกฯ ลีในปี 2004

แม้จะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้สิงคโปร์ แต่ ลี กวนยู ก็ถูกวิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนว่าจำกัดเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน รวมถึงปิดปากสื่อ จำคุกศัตรูทางการเมือง และฟ้องร้องผู้วิจารณ์