xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์เยือนซาอุดีอาระเบียชื่นมื่น นักข่าวชี้พยายามกลบเรื่องฉาวโฉ่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ - ทรัมป์ลงนามข้อตกลงขายอาวุธมูลค่า 110,000 ล้านดอลลาร์ให้ซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันเสาร์ (20) ระหว่างการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งถูกมองว่า เป็นความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากกรณีอื้อฉาวเรื่องการปลดผู้อำนวยการเอฟบีไอออกอย่างมีเงื่อนงำ ล่าสุด สื่อเจ้าประจำแฉซ้ำว่า มีเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่ใกล้ชิดทรัมป์เป็นบุคคลต้องสงสัยในคดีสืบสวนความเป็นไปได้ว่า ทีมทรัมป์อาจสมรู้กับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่แล้ว

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังทำข้อตกลงดังกล่าว ว่า สามารถดึงดูดเงินทุนเข้าสู่อเมริกานับหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายรวมถึงข้อตกลงอีก 350,000 ล้านดอลลาร์ที่ “เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จัดการไปก่อนหน้านั้น โดยบอกว่า การลงทุนเหล่านี้จะนำไปสู่การจ้างงานมากมาย นอกจากนั้น ทรัมป์ยังกล่าวขอบคุณชาวซาอุดีอาระเบีย

กษัตริย์ “ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส” ของซาอุดีอาระเบีย ให้การต้อนรับทรัมป์อย่างอบอุ่น โดยไปรอต้อนรับถึงหน้าบันไดเครื่องบิน “แอร์ฟอร์ซ วัน” และยังจับมือกับเมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ก่อนนำทรัมป์ขึ้นลิมูซีนและใช้เวลาร่วมกันเกือบทั้งวัน โดยทั้งคู่ต่างมีท่าทีผ่อนคลาย

เป็นที่น่าสังเกตว่า กษัตริย์ซาอุฯ ต้อนรับขับสู้ทรัมป์ดีกว่าที่เคยต้อนรับอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา เมื่อปีที่แล้วอย่างชัดเจน เนื่องจากริยาด มองว่า โอบามาไม่เด็ดขาดกับอิหร่าน แถมยังลังเลกับการจัดการวิกฤตซีเรีย ขณะที่ทรัมป์เพิ่งสั่งถล่มฐานทัพอากาศซีเรียเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อตอบโต้ที่ดามัสกัสโจมตีพลเรือนด้วยอาวุธเคมี

อาเดล อัล-จูเบียร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ ถึงขั้นยกย่องว่า การพบกันระหว่างทรัมป์กับกษัตริย์ซัลมานถือเป็นการเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนระหว่างอเมริกา ซาอุฯ และพันธมิตรในอ่าวเปอร์เซีย

อัล-จูเบียร์ และ ทิลเลอร์สัน กล่าวชัดเจนว่า ข้อตกลงด้านอาวุธมีจุดหมายเพื่อรับมือกับอิหร่าน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังสำทับว่า ฮัสซัน รูฮานี ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอิหร่านสมัยที่สองเมื่อวันเสาร์ ควรใช้โอกาสนี้ยุติการทดสอบขีปนาวุธและการสนับสนุนลัทธิสุดโต่งในตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวมองว่า การเดินทางของทรัมป์ครั้งนี้เป็นโอกาสในการเดินทางไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสามศาสนาสำคัญของโลก และทำให้ทรัมป์ได้พบกับผู้นำอาหรับ อิสราเอล และเบลเยียม

นอกจากข้อตกลงขายอาวุธแล้ว ยังคาดว่า อารามโก บริษทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีฯ เซ็นสัญญามูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ กับบริษัทอเมริกัน อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการแตกแขนงเศรษฐกิจของริยาด นอกเหนือจากการส่งออกน้ำมัน ขณะที่ “จีอี” กลุ่มกิจการเทคโนโลยีและวิศวกรรมของอเมริกา เผยว่า ได้ทำข้อตกลงมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์กับองค์กรหลายแห่งของซาอุดีฯ

ทรัมป์ยังมีกำหนดปราศรัยในวันอาทิตย์ (21) เพื่อชักชวนชาวมุสลิมให้ร่วมต่อต้านกลุ่มนักรบมุสลิมหัวรุนแรง รวมทั้งเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับผู้นำ 6 ชาติของสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย

ขณะที่กิจกรรมในต่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ที่อเมริกาความสนใจของคนส่วนใหญ่ยังพุ่งไปที่ความปั่นป่วนทางการเมืองในวอชิงตัน สืบเนื่องจากที่ทรัมป์ปลด “เจมส์ โคมีย์” จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม แล้วตั้งที่ปรึกษาทางกฎหมายพิเศษมาสอบสวนเรื่องทีมหาเสียงของทรัมป์สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียทำการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่านี่เป็นความพยายามที่จะตัดตอนการสืบสวนเรื่องนี้หรือไม่

หนังสือพิมพ์ “นิวยอร์ก ไทมส์” เดินหน้าขุดคุ้ยเรื่องนี้ต่อ ล่าสุด ได้รายงานโดยอ้างอิงจากบันทึกย่อการสนทนา ระบุทรัมป์เรียกโคมีย์ว่า “เจ้าทึ่ม” ระหว่างการพบปะเป็นการส่วนตัวที่ห้องทำงานรูปไข่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียและเอกอัครราชทูตรัสเซีย

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ “วอชิงตัน โพสต์” ช่วยกระทุ้งซ้ำอีกทางด้วยการรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งที่ใกล้ชิดทรัมป์อาจเป็น “บุคคลที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องในการกระทำผิด” ในการสอบสวนหาความเชื่อมโยงระหว่างทีมทรัมป์กับรัสเซีย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทิลเลอร์สัน ระบุไม่รู้ว่าบุคคลนั้นคือใคร ส่วนทางด้านทรัมป์ดูเหมือนพยายามสร้างผลงานทางการทูตกลบข่าวฉาวตลอดทั้งวัน


กำลังโหลดความคิดเห็น