รอยเตอร์/เอเอฟพี - เกาหลีเหนือประกาศกร้าวในวันอาทิตย์ (23 เม.ย.) ว่า พร้อมที่จะจมเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ เพื่อสาธิตให้เห็นแสนยานุภาพของตนเอง เวลาเดียวกันเรือรบญี่ปุ่น 2 ลำ เข้าร่วมกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของแดนอินทรี เพื่อทำการซ้อมรบขณะมุ่งสู่แปซิฟิกตะวันตก ในอีกด้านหนึ่ง สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า โสมแดงได้จับกุมพลเมืองชาวอเมริกันไปอีกคนหนึ่ง นับเป็นคนที่ 3 แล้วที่ยังถูกเปียงยางควบคุมตัวในเวลานี้
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้สั่งการให้หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีนำโดย เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน แล่นไปยังน่านน้ำนอกคาบสมุทรเกาหลี เพื่อตอบโต้รับมือกับความตึงเครียดที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น จากการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และการพัฒนาขีปนาวุธของโสมแดง รวมทั้งการที่เปียงยางคุกคามที่จะเข้าโจมตีสหรัฐฯและพันธมิตรในเอเชียของอเมริกัน อย่างเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
กองทัพเรือสหรัฐฯแถลงว่า หมู่เรือดังกล่าว ซึ่งนอกจากเรือคาร์ล วินสัน แล้ว ยังประกอบด้วย เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธ 1 ลำ และเรือพิฆาตติดขีปนาวุธอีก 2 ลำ ได้เริ่มการฝึกซ้อมร่วมกับเรือรบของญี่ปุ่น 2 ลำแล้ว ในวันอาทิตย์ (23 เม.ย.) ในบริเวณทะเลฟิลิปปินส์ ขณะที่หมู่เรือโจมตีของอเมริกันนี้ “ยังคงมุ่งไปทางเหนือเพื่อเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก”
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เกิดความสับสนว่า เรือคาร์ล วินสัน และเรือรบอื่นๆ ในหมู่เรือโจมตี อยู่ที่ไหนกันแน่ หลังจากที่ทรัมป์แถลงในทางที่ทำให้เชื่อกันว่า “กองเรือรบทรงอำนาจ” ของอเมริกันนี้ กำลังมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรเกาหลีแล้ว ทั้งที่ความจริงยังคงเดินทางลงใต้ไปฝึกร่วมกับออสเตรเลีย
ในวันเสาร์ (22) ประธานาธิบดี ไมก์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนออสเตรเลีย แถลงเพียงว่า หมู่เรือโจมตีนี้จะไปถึงทะเลญี่ปุ่น (ทะเลตะวันออก) “ภายในเวลาไม่กี่วัน” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้
ทางด้านกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล หรือก็คือ กองทัพเรือของญี่ปุ่น ได้ออกคำแถลงระบุว่า เรือพิฆาตของญี่ปุ่น 2 ลำ คือ เรือซามิดาเร และ เรืออาชิงาระ ได้ออกเดินทางจากฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นในวันศุกร์ (21) เพื่อเข้าร่วมกับ ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน และจะ “ฝึกปฏิบัติด้านยุทธวิธีต่างๆ” กับหมู่เรือโจมตีของสหรัฐฯนี้
กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นไม่ได้ระบุชัดเจนว่า การฝึกซ้อมจะกระทำที่ใด แต่แถลงในวันอาทิตย์ (23) ว่า เรือพิฆาตทั้ง 2 ลำของตนน่าจะไปจนถึงบริเวณห่างจากญี่ปุ่นไปทางใต้ราว 2,500 กิโลเมตรแล้ว ซึ่งก็น่าจะเป็นน่านน้ำทางด้านตะวันออกของฟิลิปปินส์
จากที่นั่นสามารถเดินทางต่อไปจนถึงน่านน้ำนอกคาบสมุทรเกาหลี โดยใช้เวลา 3 วัน โดยที่เรือรบทั้ง 2 ลำของญี่ปุ่น จะร่วมขบวนขึ้นเหนือไปกับเรือคาร์ล วินสัน อย่างน้อยที่สุดก็จนกระทั่งเข้าสู่ทะเลจีนตะวันออก แหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งทราบแผนการคราวนี้บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์
อย่างไรก็ดี สำหรับฝ่ายเกาหลีเหนือแล้ว ยังคงแสดงท่าทีท้าทายเหมือนเคย
“กองกำลังอาวุธปฏิวัติของเรามีความพรักพร้อมสู้รบ ซึ่งสามารถจมเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ของสหรัฐฯได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว” โรดง ชินมุน หนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ที่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า พรรคผู้ใช้แรงงานเกาหลี กล่าวเอาไว้ในบทวิจารณ์ชิ้นหนึ่ง
หนังสือพิมพ์นี้ได้เปรียบเทียบเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯว่าเป็นเหมือน “สัตว์ตัวใหญ่อ้วนเผละ” และกล่าวว่า การโจมตีใส่ของเกาหลีเหนือจะเป็น “ตัวอย่างอันเป็นจริงที่จะแสดงให้เห็นแสนยานุภาพทางทหารของเรา”
บทวิจารณ์ชิ้นนี้ตีพิมพ์อยู่ที่หน้า 3 ของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ หลังจากที่เสนอรายงานข่าวความยาว 2 หน้าพูดถึงเรื่องที่ผู้นำ คิม จองอึน เดินทางไปตรวจเยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหมูแห่งหนึ่ง
เกาหลีเหนือมีกำหนดถึงวาระครบรอบ 85 ปีแห่งการก่อตั้งกองทัพของตนที่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ว่า กองทัพประชาชนเกาหลี ในวันอังคาร (25) นี้ โดยที่ผ่านมา โสมแดงมักใช้วาระระลึกวันสำคัญๆ ของตนด้วยการทดสอบอาวุธ
โสมแดงได้เคยทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์มาแล้ว 5 ครั้ง โดย 2 ครั้งหลังกระทำในปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ก็กำลังพัฒนาขีปนาวุธที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์และยิงไปถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ทั้งนี้ การทดลองและพัฒนาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นท้าทายมติลงโทษคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นของเกาหลีเหนือในเรื่องอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ อาจจะเป็นความท้าทายด้านความมั่นคงร้ายแรงที่สุดที่ทรัมป์กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้
เขาป่าวประกาศเอาไว้ว่าจะป้องกันไม่ให้เกาหลีเหนือมีความสามารถที่จะยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์มาโจมตีสหรัฐฯได้ พร้อมกับบอกว่า ทางเลือกทุกๆ อย่างวางแบอยู่บนโต๊ะให้เขาเลือกใช้ได้ ซึ่งรวมถึงทางเลือกในการโจมตีทางทหารด้วย
ด้านเกาหลีเหนือบอกว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของตน มีไว้เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง พร้อมกับเตือนสหรัฐฯ ว่า ถ้าก้าวร้าวรุกรานโสมแดง ก็จะถูกโจมตีตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ขณะเดียวกัน เปียงยางยังข่มขู่ที่จะสร้างความพินาศให้เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น อีกด้วย
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ จิม แมตทิส กล่าวในวันศุกร์ (21) ว่า คำแถลงต่างๆ ในช่วงหลังๆ ของฝ่ายเกาหลีเหนือ มีลักษณะมุ่งยั่วยุ แต่ก็ได้ถูกพิสูจน์มาหลายหนแล้วในอดีตว่าเป็นคำโฆษณาที่กลวงๆ ว่างเปล่า และไม่ควรที่จะไปเชื่อถือ
“เราทั้งหมดต่างได้ยินคำพูดของพวกเขาซ้ำๆ ซากๆ คำพูดของพวกเขาถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่มีความจริงใจอะไร” แมตทิส บอกกับที่ประชุมแถลงข่าวในกรุงเทลอาวีฟ, อิสราเอล ก่อนหน้าที่โสมแดงจะคุกคามโจมตีใส่เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯครั้งล่าสุด
อย่างไรก็ดี การที่ญี่ปุ่นส่งกองกำลังทางนาวีไปเข้าร่วมหมู่เรือโจมตีอเมริกันคราวนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นความกังวลซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องที่ว่าเกาหลีเหนืออาจโจมตีญี่ปุ่นด้วยหัวรบนิวเคลียร์ หรือหัวรบอาวุธเคมี
ทั้งนี้ กองทัพเรือญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกองเรือพิฆาต ถือเป็นกำลังนาวีใหญ่อันดับ 2 ในเอเชีย โดยตามหลังกองทัพเรือจีนเท่านั้น
เวลาเดียวกัน ก็มีนักการเมืองสังกัดพรรครัฐบาลญี่ปุ่นบางคน กำลังรบเร้านายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ให้จัดหาอาวุธโจมตี ซึ่งสามารถที่จะยิงใส่กองกำลังขีปนาวุธเกาหลีเหนือ ขณะที่ฝ่ายนั้นกำลังทำท่าจะโจมตีญี่ปุ่น
เกาหลีเหนือคุมขังพลเมืองอเมริกันคนที่ 3
สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ รายงานในวันอาทิตย์ (23) ว่า เกาหลีเหนือได้จับกุมชายชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ซึ่งมีนามสกุลว่า คิม เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (21) ขณะชายผู้หนึ่งอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเปียงยาง เพื่อเตรียมตัวออกจากเกาหลีเหนือ
ชายผู้นี้เป็นอดีตอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเอี้ยนเปียน (Yanbian University of Science and Technology หรือ YUST) ยอนฮัปบอกโดยอ้างแหล่งข่าวหลายรายที่ไม่ได้ระบุชื่อ YUST เป็นมหาวิทยาลัยในประเทศจีน และมีมหาวิทยาลัยที่ถือเป็นพี่น้องกันอยู่แห่งหนึ่งในกรุงเปียงยาง
เกาหลีเหนือซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในอดีตได้เคยจับกุมคุมขังชาวอเมริกันมาแล้วหลายคน และมักยอมปล่อยตัวเมื่อมีบุคคลระดับสูงของฝ่ายอเมริกันยอมเดินทางมายังเกาหลีเหนือ เพื่อเจรจาคลี่คลายปัญหาเหล่านี้
สำหรับในขณะนี้ นอกเหนือจากรายล่าสุด คือ ชายนามสกุลคิม นี้แล้ว ยังมีชาวอเมริกันอีก 2 คนที่ถูกโสมแดงควบคุมตัวไว้ ได้แก่ ออตโต วอร์มบิเอร์ นักศึกษาวัย 22 ที่ถูกจับกุมตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว และถูกศาลเกาหลีเหนือตัดสินลงโทษจำคุก 15 ปี พร้อมใช้แรงงานหนักไปแล้วด้วย ในความผิดฐานพยายามขโมยแผ่นป้ายโฆษณาชวนเชื่อแผนหนึ่ง
อีกคนหนึ่ง คือ คิม ดองชุล ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีวัย 62 ปี ซึ่งถูกศาลโสมแดงตัดสินในเดือนมีนาคม 2016 ให้จำคุก 10 ปี พร้อมใช้แรงงานหนัก ในความผิดฐานบ่อนทำลาย