รอยเตอร์ - กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่ายื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (12) เพื่อพยายามระงับแผนที่จะวางกับดักและฆ่าสิงโตภูเขา และหมีดำ มากถึง 120 ตัวในโคโลราโด ในความพยายามเพื่อหยุดยั้งการลดลงของประชากรกวางล่อที่เป็นเหยื่อยอดนิยมของเหล่านายพราน
คำฟ้องดังกล่าวซึ่งถูกยื่นในศาลแขวงสหรัฐฯในเดนเวอร์กล่าวหาสำนักงานสัตว์ป่า หน่วยงานหนึ่งในกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ว่า ละเมิดกฎหมายส่วนกลางจากความล้มเหลวในการประเมินผลกระทบของแผนควบคุมนักล่าที่มีต่อสัตว์ป่าท้องถิ่นชนิดอื่นๆ
หน่วยงานเดียวกันนี้ตกเป็นข่าวฉาวหลังจาก “ระเบิดไซยาไนด์” ของพวกเขาลูกหนึ่งที่ถูกใช้เพื่อฆ่าสุนัขโคโยตีและสัตว์ “ตัวก่อกวน” ชนิดอื่นๆ เกิดระเบิดในระมือของเด็กชายชาวไอดาโฮ วัย 14 ปี ส่งผลให้เขาได้รับบาดเจ็บและสุนัขของเขาตาย
คำฟ้องเมื่อวานนี้ (12) อ้างงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เผยให้เห็นว่า การสูญเสียถิ่นที่อยู่จากการพัฒนาน้ำมันและก๊าซเป็นเหตุผลหลักในการลดลงของประชากรกวางล่อในโคโลราโด ไม่ใช่เหล่านักล่า และคำฟ้องนี้ยืนยันว่า แผนการสังหารหมีและสิงโตภูเขาซึ่งริเริ่มโดยผู้จัดการสัตว์ป่าของรัฐนี้เองมีจุดประสงค์เพื่อเอื้อประโยชน์แก่เหล่านายพรานด้วยเงินภาษีของประชาชน
“ความคิดที่ใช้เงินภาษีของสหรัฐฯ เพื่อล่าสัตว์ป่าท้องถิ่นบนที่ดินสาธารณะเป็นความคิดที่อุกอาจ” แมทธิว บิชอบ ทนายของศูนย์กฎหมายสิ่งแวดล้อมตะวันตก บริษัทไม่แสวงหาผลกำไรที่เป็นตัวแทนของกลุ่มอนุรักษ์ในคดีนี้ กล่าว
คดีนี้ยื่นฟ้องโดยศูนย์เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ และไวด์เอิร์ท การ์เดียน พวกเขากำลังขอให้ผู้พิพากษาออกคำสั่งห้ามสำนักงานสัตว์ป่าบังคับใช้แผนการดังกล่าวก่อนที่หน่วยงานนี้จะศึกษาผลกระทบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อแมวป่าแคนาดาและสัตว์ป่าสงวนชนิดอื่นๆ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมโดยรวมอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน
โฆษกสำนักงานสัตว์ป่าปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการฟ้องร้องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณานี้
แผนการดังกล่าวซึ่งกลุ่มอนุรักษ์ยื่นฟ้องในศาลรัฐแล้วเรียกร้องให้หน่วยงานนี้ทำการวางกับดักและยิงสิงโตภูเขา 45 ตัว และหมี 75 ตัวในภาคตะวันตกของโคโลราโดเป็นเวลา 3 ปี เพื่อเพิ่มจำนวนกวางล่อที่นั่น