xs
xsm
sm
md
lg

InClip : วอชิงตันโพสต์แฉ เจ้าของก่อตั้ง “แบล็กวอเตอร์” กลุ่มทหารรับจ้างรบอิรัก นั่งโต๊ะเจรจาลับคุยคนสนิทปูติน กลางมหาสมุทรอินเดีย 9 วันก่อนพิธีสาบานตน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/MGR ออนไลน์ - เอริก พรินซ์ (Erik Prince) ผู้ก่อตั้งบริษัททหารรับจ้างอเมริกัน “แบล็กวอเตอร์” (Blackwater) ที่เคยอื้อฉาวในสงครามอิรัก และเหตุไม่สงบในยูเครนตะวันออก ถูกแฉนั่งเป็นตัวแทนผู้นำสหรัฐฯ ในการประชุมลับกับคนสนิทของประธานาธิบดีรัสเซีย ปูติน ในประเทศหมู่เกาะเซเชลส์ โดยมีมกุฎราชกุมารสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จัดการประชุมให้ วอชิงตันโพสต์ระบุเชื่อแอบต่อช่องทางลับให้กับทรัมป์-ปูติน 9 วันก่อนพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ยืนยันออกจากปากแหล่งข่าวสหรัฐฯ และยูเออี

หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) ว่า 9 วันก่อนเริ่มพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 20 ม.ค. 2017 เอริก พรินซ์ (Erik Prince) ถูกแฉว่าเป็นตัวแทนของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการประชุมลับที่มีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นโบรกเกอร์ตัวกลางจัดการประชุมบนประเทศเซเชลส์ (Seychelles) หมู่เกาะกลางมหาสมุทรอินเดีย

โดยสื่อสหรัฐฯ แฉว่า เป็นการประชุมลับระหว่างพรินซ์ ผู้ก่อตั้งบริษัททหารรับจ้างอเมริกัน “แบล็กวอเตอร์” ที่อื้อฉาว และคนสนิทสัญชาติรัสเซียของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน

ทั้งนี้ พบว่าการประชุมถูกจัดขึ้นในวันที่ 11 ม.ค. 2017 ยืนยันจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งวอชิงตันโพสต์ระบุว่า เป้าหมายการประชุมทั้งหมดที่แท้จริงนั้นยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าการที่ยูเออียอมตกลงเป็นตัวกลางจัดการประชุมครั้งนี้เพื่อต้องการตรวจสอบว่าทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะสามารถหว่านล้อมให้รัสเซียยอมลดความร่วมมือกับอิหร่าน และซีเรียได้หรือไม่ ในขณะที่เป้าหมายชุดรัฐบาลของทรัมป์เพื่อดูว่า จะสามารถจะผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรในสมัยโอบามาต่อมอสโกได้อย่างไร

วอชิงตันโพสต์ชี้ว่า พรินซ์นั้นไม่มีตำแหน่งเป็นทางการในชุดเปลี่ยนผ่านอำนาจของทรัมป์ หรือในทีมหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยสื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า เป็นเพราะชื่อของเขานั้นอื้อฉาวจนเกินไป แต่ชื่อของเขากลับสนิทเกี่ยวข้องกับคนวงในของทรัมป์ และรวมไปถึงมีน้องสาวของตัวเอง เบตซี ดูวอซ์ (Betsy DeVos) ขึ้นนั่งเป็นรัฐมนตรีศึกษาสหรัฐฯ ในชุดทรัมป์

พบว่า พรินซ์ อดีตหน่วยรบหน่วยซีลผู้นี้ได้แสดงตัวเป็น “ตัวแทนทรัมป์อย่างไม่เป็นทางการ” ต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมลับ อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ยูเออี ซึ่งในการให้ข่าวของแหล่งข่าวยูเออี ปฎิเสธที่จะเปิดเผย “ชื่อคนสนิทของปูติน” ออกมา โดยพบว่านอกจากพรินซ์จะสนิทกับฝั่งคีย์แมนของทรัมป์แล้ว เขายังใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจระดับสูงในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีกด้วย ทั้งนี้ในปี 2010 เอริก พรินซ์ ได้ย้ายไปอาศัยในยูเออีหลังจากตกอยู่ในคดีฟ้องร้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจในสหรัฐฯ และทำให้วอชิงตันโพสต์เชื่อว่า เอริก พรินซ์ มีความเหมาะสมสำหรับการเป็นผู้เล่นครั้งนี้

นอกจากนี้ยังพบว่า อ้างอิงจากแหล่งข่าวฝ่ายเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ FBI สหรัฐฯ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบการประชุมลับบนหมู่เกาะเซเชลส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดีรัสเซียก่อกวนการเลือกตั้งสหรัฐฯ

แต่อย่างไรก็ตาม FBI ไม่ให้ความเห็นในเรื่องนี้

ในการประชุมที่ถูกจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันกลางมหาสมุทรอินเดีย ขยายเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างคนในแวดวงของทรัมป์และปูตินออกไป แต่ทำเนียบขาว จากความเห็นของวอชิงตันโพสต์ ยังคงยืนกรานปฎิเสธ ยกเว้นในกรณีถูกเปิดโปงจากสื่อ โดยโฆษกประจำทำเนียบ ณอน สไปเซอร์ กล่าวว่า “ทางเราไม่ตระหนักถึงการประชุมใดๆ และเอริค พรินซ์ ไม่ได้มีตำแหน่งในทีมการเปลี่ยนผ่าน”

สอดคล้องกับการออกมาปฎิเสธของตัวแทนเจ้าพ่อแบล็กวอเตอร์ ที่ออกมาตอบโต้ว่า “เอริก พรินซ์ ไม่มีบทบาทใดๆในทีมการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการบริหารสหรัฐฯ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสิ้นเชิง การประชุมนั้นไม่เกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ทำไม่สิ่งที่เรียกว่า “ประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ” จึงต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสอดแนมพลเมืองอเมริกัน ในขณะที่หน้าที่คือการไล่ล่าผู้ก่อการร้าย”

วอชิงตันโพสต์รายงานว่า พรินซ์ถือเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มทหารรับจ้างแบล็กวอเตอร์ที่กลายเป็นข่าวฉาวอเมริกาป่าเถือนในอิรัก ในช่วงระหว่างที่บริษัทความมั่นคงเอกชนของเขาที่ได้รับการว่าจ้างจากเพนตากอนในการรบที่อิรัก ซึ่งพบว่าในคดีหนึ่งในปี 2007 พบว่า เจ้าหน้าที่ทหารรับจ้างแบล็กวอเตอร์ของพรินซ์ ถูกกล่าวหาสังหารพลเรือนตายกลางจัตุรัสที่แออัดในอิรัก ภายหลังผู้กระทำผิดถูกไต่สวนและลงโทษทางกฎหมาย

ส่วนพรินซ์ผู้ก่อตั้งได้ขายบริษัททหารรับจ้าง แบล็กวอเตอร์ ของตัวเองไป และภายหลังบริษัทแห่งนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเพื่อกู้ภาพลักษณ์ แต่ยังคงดำเนินกิจการทหารรับจ้างไม่เปลี่ยน พร้อมรับทำงานทั่วทั้งตะวันออกกลางและในเอเชีย

โดยในปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารรับจ้างแบล็กวอเตอร์ถูกพบในสงครามเยเมน และในปี 2014 ทหารรับจ้างแบล็กวอเตอร์ปรากฏตัวในสงครามยูเครนตะวันออก

ในส่วนของประวัติ บริษัททหารรับจ้างอเมริกา “แบล็กวอเตอร์” ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดยเอริก พรินซ์ อดีตทหารหน่วยซีลสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งบริษัทความปลอดภัยไม่กี่บริษัทที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเลือกใช้ในปฏิบัติการปกป้องประชาธิปไตยในต่างแดน และในปี 2003 ที่อิรัก แบล็กวอเตอร์ได้เข้าร่วมในปฏิบัติการทางทหารและกิจการของบริษัทมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก แต่เป็นเพราะเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่ของบริษัท เป็นผลให้แบล็กวอเตอร์ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “XI” และภายหลังเป็น “อคาเดมี” ในปัจจุบันนี้

ปัจจุบันนี้พรินซ์เป็นเจ้าของบริษัท ฟรอนเทียร์ เซอร์วิสเซส กรุ๊ป (Frontier Services Group) ที่มีฐานในฮ่องกง บริษัททำธุรกิจในด้านความมั่นคงและระบบลอจิสติกส์ ก่อตั้งในปี 1990 มีชื่อเอริก พรินซ์ เป็นประธานบริหาร

วอชิงตันโพสต์รายงานต่อในความสัมพันธ์ที่มี “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” เข้ามาข้องเกี่ยว โดยพบว่า ใกล้ช่วงเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ ยูเอเอีส่งมกุฎราชกุมาร ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน (Sheikh Mohamed bin Zayed al-Nahyan) เสด็จเยือนนิวยอร์กแบบลับๆ โดยไม่แจ้งกำหนดการเสด็จเยือนนิวยอร์กในช่วงเดือนธันวาคม 2016 ให้กับรัฐบาลชุดโอบามารับทราบ อ้างอิงจากแหล่งข่าวสหรัฐฯ ยุโรป และอาหรับ ให้ข้อมูล

แต่อย่างไรก็ตาม ในพิธีการทูตแบบไม่ปกติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ไม่แจ้งนี้ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯยังคงตามพบเนื่องมาจากตารางการบินของชีคมกุฎราชกุมารสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นปรากฏหลักฐาน และพบว่า ในการเสด็จเยือนครั้งนั้น ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เสด็จพบและหารือกับ ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาทำเนียบขาวด้านความมั่นคงที่ถูกไล่ออก ลูกเขยของทรัมป์ จาเรด คุชเนอร์ และ สตีฟ แบนนอน หัวหน้ายุทธศาสตร์สหรัฐฯ และที่ปรึกษาอาวุโส ซึ่งเป็นกลุ่มคีย์แมนของทรัมป์

วอชิงตันโพสต์รายงานว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวว่า มกุฎราชกุมารยูเออีพระองค์นี้ และพระอนุชา ทำหน้าที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นผู้จัดการประชุมลับบนประเทศหมู่เกาะเซเชลส์ กลางมหาสมุทรอินเดีย ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย โดยมีเป้าหมาย เพื่อสร้างช่องทางลับการติดต่อแบบไม่เป็นทางการให้กับทรัมป์และปูติน

แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า “เจ้าชายชีคซาเยดต้องการให้พระองค์เป็นประโยชน์ต่อทั้งทรัมป์และปูติน” ทั้งนี้พบว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มองอิหร่านเป็นเหมือนศัตรูหมายเลข 1 และอีกทั้งยังมีความสนใจร่วมกับทีมทรัมป์ในการหาทางที่จะทำให้เกิดความแตกแยกทางความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและเตหะราน

ซึ่งอ้างอิงจากแหล่งข่าวโลกตะวันตกระบุว่า มกุฎราชกุมารยูเออีทรงพบกับปูตินถึง 2 ครั้งในปี 2016 เพื่อเรียกร้องให้รัสเซียหันมาจับมือกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดิอาะเบีย เพื่อโดดเดี่ยวอิหร่าน

วอชิงตันโพสต์รายงานต่อว่า ในช่วงระหว่าง 2 วันของการหารือบนหมู่เกาะเซเซลส์ และอีกหลายสัปดาห์หลังจากนั้น ฝ่ายสหรัฐอาหรับเอมริเรตส์เชื่อว่า มกุฎราชกุมารซาเยดทรงได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯในการเป็นตัวแทนให้ ในขณะที่บุคคลซึ่งเป็นตัวแทนเจรจาจากฝั่งรัสเซีย วอชิงตันโพสต์ชี้ว่า เป็นบุคคลที่มกุฎราชกุมารซาเยดทรงทราบดีว่า เป็นคนใกล้ชิดกับปูติน

ทั้งนี้ ในรายงานตอนท้ายชองวอชิงตันโพสต์กล่าวว่า แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เปิดเผย “ประชุมลับหมู่เกาะเซเซลส์นั้นดูเหมือนเป็นผลงานความร่วมมือระหว่างยูเออีและมอสโก แต่แผนการจัดประชุมพิเศษระหว่างพรินซ์และเจ้าหน้าที่ของปูตินได้ตกไป เหตุเพราะถึงแม้จะเป็นการพบปะแบบไม่เป็นทางการระหว่างทรัมป์และคนสนิทของปูติน นั้นถูกมองว่าเสี่ยงเกินไปทางการเมือง”

ซึ่งทั้งอดีตเจ้าหน้าทีสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่ยังทำงานอยู่ในปัจจุบันที่รู้จักมกุฎราชกุมาร ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน และเรียกขานพระองค์อย่างติดปากในนาม MBZ ต่างออกมายืนยันตรงกันว่า ดูเหมือนจะไม่ใช่นิสัยของเจ้าชายในการที่จะออกมาจัดการประชุมวันที่ 11 ม.ค. ด้วยพระองค์เอง หากไม่ได้รับไฟเขียวจากทั้งตัวของทรัมป์และปูติน หรือคนใกล้ชิดระดับสูงของทั้งฝ่ายทรัมป์และปูตินเสียก่อน

โดยแหล่งข่าวนักธุรกิจชาวอเมริกันที่ใกล้ชิดกับ MBZ กล่าวว่า “พระองค์เป็นบุคคลที่มีความระมัดระวังมาก” และกล่าวต่อว่า “ดังนั้นต้องมีการได้รับการส่งสัญญาณออกมาให้รับรู้ก่อน”



กำลังโหลดความคิดเห็น