เอเอฟพี/รอยเตอร์/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันในวันพุธ (15 มี.ค.) ขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 สัปดาห์ พบกำลังผลิตสหรัฐฯ ลดลงผิดคาด ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรง หลังที่ประชุมธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 89 เซ็นต์ ปิดที่ 51.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วัน
ข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) พบว่ากำลังผลิตของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 มีนาคม ลดลง 237,000 บาร์เรล นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 10 สัปดาห์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้นราวๆ 3.7 ล้านบาร์เรล
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานของทบวงพลังงานสหรัฐฯ (ไออีเอ) ที่เผยว่าคลังน้ำมันสำรองของโลกในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แม้โอเปกลดกำลังผลิต แต่เน้นว่าหากทางกลุ่มยึดมั่นในข้อตกลงลดผลิตต่อไป น้ำมันอาจหายไปจากตลาดราว 500,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งปีแรก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (15 มี.ค.) พุ่งแรง จากปัจจัยหนุนกลุ่มพลังงานและมติของเฟดที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตามคาดหมาย และส่งสัญญาณว่าจะยังคงค่อยๆ ปรับขึ้นในคราวต่อไป
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 112.73 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 20,950.10 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 19.81 จุด (0.84 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,385.26 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 43.23 จุด (0.74 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,900.05 จุด
หุ้นกลุ่มปิโตรเลียมเป็นตัวที่ขยับขึ้นมากสุดของวอลล์สตรีท หลังราคาน้ำมันฟื้นแรง ในนั้นรวมถึง ฮัลลิเบอร์ตัน ที่ปิดบวก 3.5 เปอร์เซ็นต์และอนาดาร์โก ปิโตรเลียม ปิดบวก 3.7 เปอร์เซ็นต์
ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพุธ (15 มี.ค.) มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดหมาย แต่ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะเร่งรีบขึ้นดอกเบี้ยในคราวต่อไปอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนกังวล ปัจจัยนี้เป็นอีกแรงหนุนสำคัญของตลาดหุ้นอเมริกา
ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (15 มี.ค.) ขยับลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,200.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในตลาดโคเม็กซ์ แต่ในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ดีดตัวขึ้น ซื้อขายกันที่ราวๆ 1,221. ดอลลาร์ ในช่วงบ่ายไม่นานหลังจากเฟดแถลงขึ้นดอกเบี้ย ที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง