xs
xsm
sm
md
lg

“โฆษกปูติน” จ้อ CNN ระบุสหรัฐฯ "สร้างความอับอาย" ให้ตนเองด้วยการกล่าวหาว่ารัสเซีย “แทรกแซงเลือกตั้ง” (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี/MGROnline - โฆษกรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNN โดยแสดงท่าทีร้อนใจที่ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ยังไม่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น แม้จะผ่านมาแล้วเกือบ 2 เดือนตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ กำลังสร้างความ "อับอายขายหน้า" ให้ตนเองด้วยการกล่าวหาว่ามอสโกแทรกแซงเลือกตั้ง

ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าววานนี้ (12 มี.ค.) ว่า รัฐบาลหมีขาวมีความเต็มใจที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐฯ พร้อมฝากเตือน ทรัมป์ เป็นนัยๆ ว่าการไม่เจรจากันนั้นจะถือเป็นความผิดพลาดที่ “อภัยไม่ได้”

“แน่นอนว่าฝ่ายเราคาดหวังว่าการติดต่อสื่อสารระหว่างรัฐบาลจะเกิดบ่อยขึ้น ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อเราจะได้นั่งคุยกันอย่างจริงจัง... เพราะความสัมพันธ์ทวิภาคีได้ขาดช่วงไปนานพอสมควรแล้ว” เปสคอฟ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ GPS ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ซึ่งออกอากาศเมื่อวานนี้ (12)

“สำหรับมหาอำนาจอย่างรัสเซียและสหรัฐฯ การไม่เจรจากันนั้นถือเป็นความผิดพลาดที่อภัยไม่ได้ โดยเฉพาะในเวลาที่เราทั้งสองเผชิญปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลกมากมายขนาดนี้”

ทำเนียบเครมลินแถลงว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทรัมป์ และประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ได้เห็นพ้องให้มีการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและมอสโก “ในฐานะประเทศที่เท่าเทียม” และส่งเสริม “ความร่วมมืออย่างแท้จริง” ในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย

เปสคอฟ ได้เอ่ยย้ำเจตนารมณ์ดังกล่าวกับซีเอ็นเอ็น แต่เรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐฯ แสดงท่าทีว่าต้องการเริ่มต้นเจรจากับรัสเซียมากกว่านี้

โฆษกของ ปูติน ระบุด้วยว่า ทรัมป์ “แสดงออกว่าเขาไม่เห็นด้วยกับรัสเซียหลายอย่าง แต่เขามีความเป็นนักปฏิบัตินิยมมากพอที่จะพูดว่า เราต้องเจรจากัน”

“เราจำเป็นต้องนำจุดยืนมาเปรียบเทียบเพื่อหาจุดร่วม... ในขณะเดียวกัน เขา (ทรัมป์) ก็พูดว่าเราต้องหันหน้าเข้าหากันและเริ่มพูดคุยเสียที แต่น่าเสียดายที่เรายังไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้ว่า การพูดคุยจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่”



เปสคอฟ ยังแสดงความกังวลเรื่องที่หน่วยข่าวกรองอเมริกันกล่าวหาว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว เพื่อหนุนหลัง ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีคนใหม่

คณะกรรมการคองเกรสหลายชุด รวมถึงหน่วยข่าวกรอง และสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ยังคงเดินหน้าสืบหาความจริงว่ารัสเซียมีส่วนสนับสนุนแคมเปญหาเสียงของ ทรัมป์ อย่างไร และมากน้อยแค่ไหน จึงทำให้เขาสามารถเอาชนะผู้สมัครตัวเต็งอย่าง ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตได้

เปสคอฟ วิจารณ์การถกเถียงเรื่องนี้ในสหรัฐฯ ว่าเหมือน “โรคประสาทหวาดระแวง” (hysteria) ที่บั่นทอนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

“เรามองว่าเรื่องนี้อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต และหวังอย่างยิ่งว่าโรคประสาทหวาดระแวงเช่นนี้คงจะจบลงได้อย่างมีเหตุผล”

เปสคอฟ ชี้ด้วยว่า สหรัฐฯ ซึ่งเป็นมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลกกำลัง “สร้างความอับอายให้แก่ตนเอง” ด้วยการอ้างว่าชาติอื่นสามารถเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งภายในอเมริกาได้อย่างง่ายดาย

“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย... ผมยืนยันได้ว่ารัสเซียไม่เคยมีความปรารถนาที่จะแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และเราก็จะไม่ปล่อยให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องภายในประเทศของเราเช่นกัน”

ไมเคิล ฟลินน์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ถูกกดดันให้ลาออกเมื่อกลางเดือน ก.พ. หลังมีการเปิดโปงว่าเขาไม่ได้แจ้งข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาสนทนากับเอกอัครราชทูตรัสเซียเมื่อปลายปีที่แล้ว

ล่าสุด รัฐมนตรียุติธรรม เจฟฟ์ เซสชันส์ ก็ต้องออกมาประกาศจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการสอบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้ง หลังถูกเปิดโปงเช่นกันว่าเขาเคยพบกับเอกอัครราชทูตหมีขาวถึง 2 ครั้งขณะยังเป็นที่ปรึกษาแคมเปญหาเสียงให้ทรัมป์ แต่ เซสชันส์ ก็ยืนยันว่าตน “ไม่ได้ทำอะไรผิด” เพียงแต่ไม่ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น