เอเอฟพี - เกิดเหตุชายสติไม่ดีถือขวานไล่ทำร้ายผู้โดยสารที่สถานีรถไฟหลักในเมืองดุสเซลดอร์ฟ (Dusseldorf) ของเยอรมนีเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (9 มี.ค.) จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บถึง 7 คน
ก่อนหน้านี้ ตำรวจเยอรมันสันนิษฐานว่าคนร้ายทำงานเป็นทีม และมีการจับกุมผู้ต้องสงสัยไว้ 2 ราย ทว่าต่อมามีการแถลงยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยมีเพียงคนเดียว เป็นชายวัย 36 ปีที่อพยพมาจากอดีตประเทศยูโกสลาเวีย
“คนร้ายซึ่งมีขวานเป็นอาวุธได้จู่โจมทำร้ายผู้คนแบบไม่เลือกหน้า” เมื่อเวลาประมาณ 20.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น (02.50 น. ตามเวลาในไทย) ตำรวจเมืองดุสเซลดอร์ฟ แถลง
หลังก่อเหตุ ชายคนดังกล่าวได้พยายามหลบหนีด้วยการกระโดดลงจากสะพาน ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
สำนักข่าวดีพีเอรายงานว่า เวลานี้เขายังไม่สามารถให้ปากคำกับตำรวจได้
ตำรวจและหน่วยปฏิบัติการพิเศษสนธิกำลังตรวจค้นทั่วสถานีรถไฟ จนทำให้การจราจรโดยรอบต้องหยุดชะงัก ขณะที่หนังสือพิมพ์บิลด์รายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้นำเฮลิคอปเตอร์หลายลำขึ้นบินวนเหนือจุดเกิดเหตุ
ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับบิลด์ว่า “พวกเรายืนรอรถไฟอยู่ที่ชานชาลา พอรถไฟจอดก็มีคนคนหนึ่งถือขวานเดินออกมา และไล่ทำร้ายผู้คน”
“เราเห็นเลือดนองเต็มไปหมด”
ปีเตอร์ อัลต์ไมเออร์ ที่ปรึกษาคนสนิทของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ได้ทวีตข้อความว่า “เราขอส่งกำลังใจและความระลึกถึงไปยังผู้บาดเจ็บทุกคนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สถานีรถไฟหลักในดุสเซลดอร์ฟ”
รัฐบาลเยอรมนียังคงมีมาตรการเฝ้าระวังการก่อการร้ายอย่างเข้มงวด หลังเกิดเหตุชายชาวตูนิเซียขับรถบรรทุกพุ่งชนตลาดคริสต์มาสในกรุงเบอร์ลินจนมีผู้เสียชีวิต 12 รายเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ซึ่งกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ
หน่วยงานความมั่นคงเมืองเบียร์ระบุว่า เวลานี้มีพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงอาศัยอยู่ในเยอรมนีประมาณ 10,000 คน โดยราวๆ 1,600 คนต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย
เหตุการณ์คนร้ายใช้ขวานโจมตีผู้โดยสารรถไฟเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งที่รัฐบาวาเรียเมื่อปี 2016 ทว่าเคราะห์ดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต