xs
xsm
sm
md
lg

In Clip: ฮือฮาไปทั่วญี่ปุ่น “ยุตินัน วอน” เด็กสายเลือดไทยเกิดญี่ปุ่น ประกาศสู้ต่อเพื่อ “แดนซากุระที่เรียกว่าบ้าน” หลังโดนสั่งเนรเทศกลับไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - ยุตินัน วอน (Utinan Won) อายุ 17 ปี เปิดใจให้สัมภาษศณ์เจแปนไทมส์ ล่าสุดจะขอสู้ต่อไปเพื่อให้ได้สิทธิการอาศัยในญี่ปุ่น ที่เด็กหนุ่มสายเลือดไทยเกิดและเติบโตในแดนซากุระเรียกว่า “บ้าน” สร้างปรากฏการณ์ฮือฮาไปทั่วประเทศ หลังจากศาลสูงญี่ปุ่นตัดสินเนรเทศกลับไทยในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา พบเพื่อนร่วมชั้นเรียนญี่ปุ่นให้กำลังใจเพียบ

เจแปนไทมส์รายงานล่าสุดถึง ยุตินัน วอน (Utinan Won) อายุ 17 ปี ที่เกิดในญี่ปุ่นจากบิดาและมารดาชาวไทยที่อยู่จนเกินกำหนดของวีซ่า และตัวเขาเติบโตขึ้นมาในดินแดนซากุระที่หนุ่มน้อยวัย 17 ปีรายนี้เรียกว่าบ้าน ประกาศจะไม่ขอยอมแพ้ต่อโชคชะตา แต่จะต่อสู้ตามกฎหมายต่อไปเพื่อให้ได้สิทธิการอาศัย

ในการให้สัมภาษณ์วอนกล่าวว่า “กลุ่มผู้สนับสนุน บรรดาอาจารย์ และเพื่อนร่วมชั้นเรียน...ต่างพยายามเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือแก่ตัวผมในการที่จะได้สิทธิอาศัยในประเทศแห่งนี้ต่อไป ถึงแม้ว่าผมจะมีที่มาต่างจากคนอื่นๆ”

วอนที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในโคฟุ (Kofu) จังหวัดยามานาชิ (Yamanashi) ไม่เคยปริปาก หรือบ่นประณามญี่ปุ่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย สื่อญี่ปุ่นชี้ และวอนกล่าวต่อว่า “แม้แต่คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักยังยอมลงชื่อในการยื่นคำร้องหลังจากได้ฟังเรื่องราวของผมแล้ว” และเสริมต่อว่า “ผมไม่มีอะไรจะกล่าวแสดงความตื้นตันที่มากไปกว่านี้ได้ในการให้ความสนับสนุนจากพวกเขา”

ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ศาลสูงญี่ปุ่นได้ยืนตามคำสั่งเนรเทศตัวเขาออกนอกประเทศของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นสิงหาคม ปี 2014 แต่เจแปนไทมส์เปิดเผยว่า วอนได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตล่าสุดด้วยการที่จะขอยื่นเรื่องร้องเรียนให้มีการทบทวนคำสั่งของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นใหม่อีกครั้ง เพื่อหวังว่าในท้ายที่สุดเด็กหนุ่มเลือดไทยเกิดในญี่ปุ่นผู้นี้จะได้รับสิทธิให้อาศัยอยู่ในประเทศในการออกใบอนุญาตการเป็นผู้อาศัยฐานะพิเศษในอนาคต แทนที่เขาจะยื่นเรื่องศาลล่างตามปกติก่อนที่จะไปสู่ศาลสูงต่อไป

ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์ วอนได้กล่าวถึงญี่ปุ่นอย่างชื่นชมว่า “มีบางคนได้กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากมีกฎหมายที่เข้มงวด และผมเองก็เชื่อเช่นกัน” และกล่าวต่อว่า “มีกลุ่มคนที่ให้การสนับสนุนผม และกลุ่มคนที่ปฏิเสธผม แต่สิ่งที่ผมจะทำได้คือ การที่ต้องเข้มแข็งกว่านี้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย”

และเมื่อวอนถูกถามว่า จะทำอะไรต่อไปหากได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้สามารถอาศัยในญี่ปุ่นต่อไปได้ วอนตอบกลับมาอย่างหนักแน่นว่า “ผมจะพยายามทำงานอย่างหนัก เพื่อที่ผมจะสามารถยืนอยู่ด้วยลำแข้งของตัวเองได้ และผมจะเดินทางกลับไปเยี่ยมแม่ที่ประเทศของแม่..ในฐานะ “นักท่องเที่ยว”

วอนที่ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการถูกปล่อยตัวชั่วคราว ได้กล่าวเปิดใจกับเจแปนไทมส์ต่อว่า “ถึงแม้ว่าความปราถนาของผมในการได้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นต่อไปจะถูกปฏิเสธ แต่ผมจะขอสู้ต่อไปโดยไม่ล้มเลิก เพราะเบื้องหลังของผมยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากในการให้กำลังใจและสนับสนุน” และกล่าวต่ออย่างหนักแน่นว่า “ผมไม่ต้องการให้สิ่งที่คนเหล่านั้นได้สร้างไว้ต้องสูญเปล่า”

เจแปนไทมส์รายงานว่า ในเดือนมกราคม 2015 ทั้งตัวเขาและผู้เป็นแม่คนไทย ลันสาร ประภักดี (Lonsan Phaphakdee) ได้ยื่นเรื่องฟ้องโตเกียวให้ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งเนรเทศ และต่อมาในเดือนมิถุนายน 2016 ศาลแขวงกรุงโตเกียว ออกคำพิพากษาให้คำร้องของแม่ของวอนตกไป และอีกครั้งในเดือนธันวาคมในปีเดียวกัน ศาลสูงญี่ปุ่นออกคำสั่งยืนให้ทำการเนรเทศ ยุตินัน วอน ให้กลับไปอาศัยกับมารดาของเขาในไทย ซึ่งเธอยอมออกมาจากญี่ปุ่นในเดือนกันยายนก่อนหน้านั้น

ทั้งนี้สื่อญี่ปุ่นชี้ว่า ในคำสั่งของศาลสูงญี่ปุ่นชี้ว่าไม่สามารถประเมินได้ถึงความผูกพันที่ชายหนุ่มสายเลือดไทยเกิดและเติบโตในญี่ปุ่นนี้มีความผูกพันกับสิ่งแวดล้อมแดนซากุระมากน้อยเพียงใด โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้เข้าชั้นเรียนเบื้องต้นใดเลย จนกระทั่งในเดือนเมษายน 2013 ที่วอนได้เข้าเรียนระดับไฮสกูลที่โคฟุ

ซึ่งในขณะนี้วอนอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่เป็นผู้สนับสนุน และทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองให้กับเขาในโคฟุ โดยพบว่านอกจากที่จะได้เข้าไปเรียนโรงเรียนระดับไฮสกูลในพื้นที่แล้ว วอนยังทำงานเป็นอาสาสมัครให้กับสถานเนิร์สซิงโฮมของหน่วยสวัสดิการสังคม เพื่อที่ตัวเขาจะได้รับการฝึกอบรม

เจแปนไทมส์รายงานว่า วอนตั้งใจว่าหากเขามีงานทำ เขาจะสามารถอยู่อย่างอิสระได้ และวอนยังได้กล่าวถึงประเทศไทยว่า ไม่ใช่เป็นประเทศที่เขาจะสามารถกลับมาอาศัยได้ โดยเขากล่าวว่า “ประเทศไทยไม่ใช่ที่ซึ่งผมจะสามารถเดินทางกลับไปได้” และยังกล่าวต่ออีกว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบประเทศไทยนะ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศบ้านเกิดของแม่ผม แต่สำหรับผมแล้ว ญี่ปุ่นเท่านั้นที่เป็นเสมือนบ้าน”

สื่อญี่ปุ่นชี้ว่า ตั้งแต่เกิดจนถึงวัย 17 ปี ยุตินัน วอน ยังไม่เคยเดินทางกลับไทยเลยสักครั้ง และสำหรับประวัติของเขา พบว่าวอนเกิดในโคฟุ เดือนมกราคม 2000 และมารดาชาวไทยของเขาต้องอยู่เกินวีซ่ากำหนดในญี่ปุ่นหลังจากเธอโดนตัวแทนนายหน้าต้มตุ๋น ที่ได้นำเธอเข้ามาทำงานในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1995

และพบว่าวอนไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับบิดาของตนเอง ซึ่งเป็นชาวไทยเช่นกัน เนื่องจากคนทั้งคู่ได้แยกจากกันตั้งแต่เมื่อครั้งเขายังเป็นทารก

และพบว่าในช่วงวัยเด็ก วอนต้องย้ายจากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง โดยเขาและมารดาอาศัยอยู่ในชุมชนชาวไทยไปยังอีกที่ในเขตภาคกลางของญี่ปุ่น เจแปนไทมส์รายงาน และทำให้เขาไม่ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนตามปกติเหมือนเช่นคนอื่น แต่พบว่าวอนได้เข้าเรียนในโรงเรียนระดับมัธยมต้น ซึ่งพบว่าการเรียนภาษาญี่ปุ่นของเขาได้รับการช่วยเหลือจากผู้สนับสนุนท้องถิ่นที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มเด็กนักเรียนต่างชาติตั้งแต่วอนอายุได้ 11 ขวบ

เจแปนไทมส์รายงานต่อว่า วอนได้กล่าวเปิดใจว่า “ผมไม่คิดถึงเรื่องสัญชาติตัวเองมากนัก” วอนกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภาษาแม่ของเขา เจแปนไทมส์ชี้ และในการให้สัมภาษณ์ วอนกล่าวว่า “แต่ผมคิดว่าผมเป็นคนญี่ปุ่น เพราะผมเกิดที่นี่ และมีคนญี่ปุ่นจำนวนมากอยู่รอบตัวผม”

ซึ่งชิน ยาซูดะ ( Shin Yasuda) วัย 17 ปี หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของวอนที่พบกับเขาในสมัยที่วอนเข้าเรียนระดับมัธยมต้นได้ยืนยันความเป็นคนญี่ปุ่นของเขาว่า ในตอนแรกคิดว่าวอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาจากไทย แต่ทว่าในภายหลังกลับค้นพบว่า ยุตินัน วอน นั้นเหมือนเด็กญี่ปุ่นทั่วๆ ไปที่ชอบเล่นวิดีโอเกม ชอบดูวิดีโออนไลน์ และมักจะทำให้คนอื่นๆ หัวเราะได้เสมอ ยาซูดะซึ่งกลายเป็นเพื่อนสนิทของวอนไปแล้วเปิดเผย

และในการเปิดใจวอนได้กล่าวแสดงความรู้สึกเมื่อรับรู้ว่าไม่เฉพาะแต่ตัวผู้เป็นแม่ชาวไทยเท่านั้นที่ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นออกคำสั่งเนรเทศ แต่ยังรวมไปถึงตัวเขาอีกด้วย โดยวอนที่มีความเข้าใจภาษาไทยเพียงระดับสื่อสารกล่าวว่า “หัวผมมึนไปหมด รู้สึกตัวเองช็อก” และกล่าวต่อว่า “ผมไม่รู้ว่าผมทำผิดอะไร หรือเป็นบางทีที่ผิดที่ผมไม่ได้เข้าเรียนต่อในชั้นประถม แต่ผมไม่สามารถหาคำตอบว่าทำไมผมต้องถูกสั่งให้ออกนอกประเทศ”

ทั้งนี้ 3 เดือนก่อนที่ศาลสูงญี่ปุ่นจะออกคำสั่งยืนให้วอนต้องถูกเนรเทศ แม่ของเขา ลอนสาร ตัดสินใจเดินทางกลับไทยเพื่อให้ศาลสูงญี่ปุ่นยอมอนุญาตให้ลูกชายของเธอ วอน สามารถยังคงอยู่ในญี่ปุ่นได้ต่อไป แต่ทว่าเหตุการณ์ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

โดยเขาเปิดเผยความรู้สึกที่ว่า เห็นคณะผู้พิพากษาเดินเข้ามาในห้องและเริ่มอ่านคำตัดสิน และเดินออกไปโดยใช้เวลาเพียงแค่น้อยกว่า 3 นาทีเท่านั้น ส่งผลกระทบต่ออนาคตทั้งหมดของเด็กหนุ่มหัวใจบูชิโดผู้นี้ โดยกล่าวว่า “ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด เพราะผมรอคอยการอ่านคำพิพากษาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก และคาดหวังว่าอย่างน้อยที่สุดพวกเขาจะให้เหตุผลในการอธิบายต่อตัวผมว่าเหตุใดผมจึงสมควรถูกเนรเทศ แต่ทว่าเป็นการอ่านที่รวดเร็วมาก” และทำให้หนุ่มน้อยผู้นี้ต้องร้องไห้ออกมา หลังจากได้รับฟังคำพิพากษานี้แล้ว

ทั้งนี้ เรื่องของยุตินัน วอนได้รับความสนใจในญี่ปุ่น ซึ่งพบว่าเฉพาะในเว็บไซต์ของเจแปนไทมส์ ข่าวของเขาติดโผในเรื่องที่กำลังอยู่ในกระแส โดยจาก 8 ลำดับ พบว่าเรื่องของวอนอยู่ในลำดับที่ 5


ยุตินัน วอน(Utinan Won) และมารดาชาวไทย




กำลังโหลดความคิดเห็น