รอยเตอร์ - รัฐมนตรีกลาโหมของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี (16 ก.พ.) เผยว่า เขามองไม่เห็นเงื่อนไขในความร่วมมือทางทหารกับรัสเซีย ก่อความผิดหวังครั้งใหญ่แก่มอสโกที่ประสงค์ซ่อมแซมความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ หลังทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง
“ตอนนี้เราไม่อยู่สถานะที่จะมีความร่วมมือระดับกองทัพ แต่เหล่าผู้นำทางการเมืองของเราจะประสานและพยายามหาจุดยืนร่วมกัน” เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯบอกกับผู้สื่อข่าว หลังเข้าร่วมหารือ ณ กองบัญชาการนาโตในบรัสเซลส์
เมื่อถูกถามว่าเขาเชื่อหรือไม่ ว่า รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แมตทิส ตอบว่า “ตอนนี้ ผมพูดได้เพียงว่ามีข้อสงสัยน้อยมาก ว่า มีการแทรกแซงหรือมีความพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งทั้งหลายในระบอบประชาธิปไตย”
ความเห็นของ แมตทิส มีขึ้นไม่นาน หลังจาก เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย แสดงความตั้งใจที่จะคืนความร่วมมือกับเพนตากอน และในวันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน บอกว่า การฟื้นฟูการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานข่าวกรองของวอชิงตันกับมอสโกจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองชาติ
แมตทิส กล่าวในที่ประชุมลับของนาโต้เมื่อวันพุธ (15 ก.พ.) ว่า พันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องตระหนักอย่างสมเหตุสมผลเกี่ยวกับโอกาสแห่งการฟื้นฟูความร่วมมือและความสัมพันธ์กับมอสโก และต้องแน่ใจว่าคณะทูตของนาโต้จะเปิดเจรจากับรัสเซียจากจุดยืนที่แข็งกร้าว
คำพูดดังกล่าวเรียกเสียงตอบกลับสั้นๆ แต่ได้ใจความจากชอยกู ว่า “ความพยายามเจรจากับรัสเซียจากจุดยืนที่แข็งกร้าวนั้น จะไร้ประโยชน์” อย่างไรก็ตาม แมตทิส ตอบโต้กลับไปว่า “ผมไม่มีความจำเป็นต้องตอบโต้ถ้อยแถลงของรัสเซีย นาโตยืนหยัดมาตลอดเพื่อความเข้มแข็งทางทหาร ปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพ ที่เรามีความตั้งใจส่งต่อมันให้แก่ลูกหลานของเราสืบไป”
การตอบโต้กันไปมาครั้งนี้ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ล่าสุดจากรัฐบาลของทรัมป์ ว่า การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและมอสโกจะประสบกับความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่าที่ทรัมป์คิดก่อนได้รับเลือกตั้งเข้ามา
ประชาคมข่าวกรองของสหรัฐฯสรุปว่ารัสเซียแฮก และเผยแพร่ข้อมูลอีเมลของเดโมแครตระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ในความพยายามช่วยให้ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน
ความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงของรัสเซีย กลายเป็นเรื่องลุกลามบานปลาย เมื่อทรัมป์ จำเป็นต้องปรับ ไมเคิล ฟลินน์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติออกจากตำแหน่ง
ฟลินน์ ลาออกหลังถูกเปิดโปง ว่า เขาได้หารือมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่มีต่อรัสเซีย กับเอกอัครราชทูตมอสโกประจำอเมริกา ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี