เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์ประณามการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดในเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขู่จะมีมาตรการตอบโต้ที่หนักหน่วงต่อพฤติกรรมยั่วยุของโสมแดง
มติประณามซึ่งจีนให้การสนับสนุนด้วย ระบุว่า การทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของยูเอ็น “อย่างร้ายแรง” ซึ่งเกาหลีเหนือจะต้องเผชิญมาตรการตอบโต้ที่สาสมต่อไป
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นได้จัดประชุมฉุกเฉินตามคำร้องของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หลังจากเปียงยางประกาศความสำเร็จในการยิงทดสอบขีปนาวุธรุ่นใหม่เมื่อวันอาทิตย์ (12) ซึ่งถือเป็นการท้าทายครั้งแรกนับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ระหว่างแถลงข่าวที่วอชิงตันก่อนการประชุมคณะมนตรียูเอ็นจะเริ่มแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทรัมป์ ได้วิจารณ์เกาหลีเหนือว่าเป็น “ปัญหาใหญ่มาก” พร้อมให้สัญญาว่า “จะตอบโต้เรื่องนี้อย่างหนักหน่วง”
สำหรับขีปนาวุธลูกล่าสุดถูกยิงขึ้นจากเมืองกูซองทางตะวันตกของโสมแดง โดยจรวดได้พุ่งไปทางทิศตะวันออกเป็นระยะทาง 500 กิโลเมตร ก่อนจะตกลงสู่ทะเลญี่ปุ่น ตามข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้
นิกกี ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคง “ใช้ทุกช่องทางที่มีอยู่แสดงออกให้เกาหลีเหนือและใครก็ตามที่หนุนหลังพวกเขาอยู่ทราบว่า การกระทำเช่นนี้ทั่วโลกไม่อาจรับได้”
“ถึงเวลาแล้วที่เกาหลีเหนือจะต้องรับผิดชอบ และเราจะไม่เพียงพูดเท่านั้น แต่ต้องลงมือทำด้วย”
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเคยสั่งห้ามเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ทุกรูปแบบ ทว่าเปียงยางก็ยังคงดื้อดึงทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินถึง 2 ครั้งในปีที่แล้ว และยิงขีปนาวุธอีกหลายระลอก โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีจรวดให้สามารถเดินทางไปโจมตีถึงแผ่นดินสหรัฐฯ ได้
คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นประกาศมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือมาแล้วถึง 6 ครั้ง นับตั้งแต่โสมแดงทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2006
โกโร เบสโช เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำยูเอ็น ระบุว่า บทลงโทษทางเศรษฐกิจคือกลไกสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเกาหลีเหนือได้ แต่ก็ต้อง “ใช้เวลา”
“เราจะต้องกดดันต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หันไปใช้มาตรการทางทหาร” เขากล่าว
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เตือนว่า วอชิงตันและชาติพันธมิตรมีศักยภาพพอที่จะยิงสกัดขีปนาวุธทุกรุ่นของเกาหลีเหนือได้
“เปียงยางแสดงออกชัดเจนว่าต้องการพัฒนาศักยภาพในด้านนี้ และเราก็พร้อมจะประกาศชัดเจนเช่นกันว่า เรามีศักยภาพพอที่จะทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ได้” เจฟฟ์ เดวิส โฆษกเพนตากอน แถลง
สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงกับกรุงโซลที่จะส่งระบบป้องกันขีปนาวุธในบรรยากาศชั้นสูง (THAAD) เข้าไปติดตั้งในเกาหลีใต้ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากจีน
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวประณามการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และเรียกร้องให้นานาชาติร่วมผนึกกำลังตอบโต้ “การละเมิด” คำสั่งห้ามของยูเอ็น
“คณะผู้นำเกาหลีเหนือจะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีต่อนานาชาติ และมุ่งสู่แนวทางการปลดอาวุธนิวเคลียร์” กูเตอร์เรส กล่าว
มติประณาม 2 ครั้งล่าสุดที่สหรัฐฯ และจีนได้ร่วมกันร่างขึ้น มุ่งปิดกั้นรายได้จากการส่งออกสินค้า และจำกัดศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือได้แพร่ภาพขีปนาวุธรุ่นใหม่พุ่งทะยานสู่ชั้นบรรยากาศ โดยมีผู้นำ คิม จอง อึน ยืนมองจากศูนย์ควบคุม และภาพขณะที่ คิม เข้าไปตรวจแท่นยิงจรวดโดยมีนายทหารและนักวิทยาศาสตร์หลายสิบคนยืนห้อมล้อมแสดงความยินดี
ผู้นำคิม “แสดงความพอใจอย่างยิ่งที่ได้ครอบครองช่องทางโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์แบบใหม่ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเกรียงไกรให้แก่เกาหลีเหนือ” เคซีเอ็นเอ รายงานเมื่อวานนี้ (13)
โสมแดงระบุว่า จรวดที่นำมายิงทดสอบคือขีปนาวุธ “พุกกุกซอง-2” ซึ่งเป็นจรวดพิสัยกลาง-ไกลชนิดยิงจากพื้นสู่พื้น และถือเป็น “ระบบอาวุธทางยุทธศาสตร์รุ่นใหม่สไตล์เกาหลี”
จรวดรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแข็ง ซึ่งใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงน้อยกว่าจรวดเชื้อเพลิงเหลว
เกาหลีเหนืออ้างว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ที่สามารถเดินทางไปถึงแผ่นดินสหรัฐฯ ได้ แต่ก็ยังไม่เคยนำออกมาทดสอบ