เอเจนซีส์ - สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ ICE ออกปฏิบัติการกวาดล้างบุกจับครั้งใหญ่ในเมืองต่างๆ ทั่วอเมริกา รวมไปถึงเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ นิวยอร์ก เมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐนอร์ทแคโรไลนา และ รัฐเซาท์แคโรไลนา สร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกรัฐสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครต และกลุ่มสิทธิมนุษยชน ที่ชี้ไปว่า ICE ตั้งเป้าจับผู้อพยพ แต่ตรวจคนอเมริกา อ้าง เป็นการปฏิบัติตามปกติ
สื่อไทม์สรายงานเมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) ว่า ในการบุกจับครั้งใหญ่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ ICE ที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ สร้างความไม่พอใจให้กับชาวอเมริกันเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ และสมาชิกรัฐสภาคองเกรสสายพรรคเดโมแครต ที่ออกมาชี้ว่า ICE “จงใจออกปฏิบัติเพื่อกวาดล้างผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายโดยเฉพาะ”
ซึ่งเป็นการกวาดล้างที่หนังสือพิมพ์อังกฤษ ดิ อินดิเพนเดนต์ ชี้ว่า เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งเนรเทศกลุ่มคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย สร้างความกังวลให้กับผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯอย่างไม่ถูกต้อง และได้ลงทะเบียนในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เพื่อขอรับการนิรโทษกรรม เกรงว่าอาจต้องถูกส่งตัวออกนอกประเทศ
โดยในการยืนยันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ ระบุว่า ได้มีการออกปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่จริง ซึ่งเกิดขึ้นใน เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ นิวยอร์ก เมืองลอส แองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐนอร์ทแคโรไลนา และ รัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งมากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ถูกจับกุมขึ้นในเมืองลอสแองเจลิสถูกเนรเทศออกนอกประเทศกลับไปยังเม็กซิโก สื่ออังกฤษชี้
ทั้งนี้ ทางสำนักงาน ICE อ้างว่า การกวาดล้างเกิดขึ้นกับรายชื่อเป้าหมายอาชญากร ซึ่งเป็นการทำงานตามปกติของทางสำนักงาน โดย จิลเลียน คริสเตนเซน (Gillian Christensen) โฆษกกระทรวงมาตุภูมิและความมั่นคงสหรัฐฯออกแถลงการณ์ อ้างว่า การบุกกวาดล้างเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอเมริกา
ทั้งนี้ สื่อไทม์สรายงานว่า โฆษกกระทรวงมาตุภูมิและความมั่นคงสหรัฐฯ ชี้ว่า “ทีมปฏิบัติงานเหล่านี้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งทาง ICE ไม่ได้มีปฏิบัติการเพื่อออกกวาดล้างเพื่อกีดกันชาวต่างด้าวแต่อย่างใด” และแถลงต่อว่า “แต่เป็นปฏิบัติการที่ออกมาเพื่อจัดการกับชาวต่างด้าวที่เป็นอาชญากร และกลุ่มคนที่ละเมิดกฎหมายเข้าเมืองสหรัฐฯ”
ทั้งนี้ สื่ออังกฤษ กล่าวว่า คริสเตนเซน ได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯตรวจพบต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายจากประเทศแถบละตินอเมริกาจำนวนหลายสิบประเทศ และในจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมพบว่าเป็นผู้ที่กระทำผิดกฎหมายฆ่าคนตาย และการทำร้ายร่างกายในครอบครัว
แต่ทว่าทางกลุ่มสิทธิมนุษยชน ต่างออกมาชี้ว่า การกวาดล้างยังขยายไปถึงรัฐฟลอริดา รัฐแคนซัส รัฐเทกซัส และ รัฐเวอร์จิเนีย ที่ว่า กลุ่มผู้เข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ได้กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ต่างล้วนตกเป็นเป้าการถูกกวาดล้างด้วยเช่นกัน สอดคล้องกับความกังวลของสมาชิกพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ
ซึ่งสื่อ CNN รายงานวันนี้ (12 ก.พ.) ว่า ส.ส.พรรคเดโมแครตจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ลู คอร์เรีย (Lou Correa) ได้แสดงความกังวลผ่านจดหมายสอบถามสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลการกรสหรัฐฯ ICE ถึงปฏิบัติการกวาดล้างล่าสุด โดยเธอว่า ปฏิบัติการที่เกิดขึ้นเหล่านี้สร้างความกลัวและความสับสนให้กับผู้คนในหลายภาคส่วน รวมไปถึงยังแจกแจงถึงคำถามต่างๆ ที่ทางหน่วยงาน ICE ยังไม่ได้ตอบให้กระจ่าง
“ปฏิบัติการที่เกิดขึ้นเหล่านี้สร้างความกลัวและความไม่แน่นอนให้กับผู้คนในหลายภาคส่วน” คอร์เรีย ชี้ และพร้อมกันนั้น ในจดหมายของเธอ คอร์เรียยังตั้งคำถาม 10 ประเด็นไปยังหน่วยงาน ซึ่งรวมไปถึงคำถามที่ว่า “สิ่งใดเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับหน่วยงานในการจับกุม” และ “และแผนปฏิบัติการเหล่านี้ถูกวางแผนมาตั้งแต่เมื่อใด”
ด้านไทม์สรายงานเพิ่มเติมว่า การกวาดล้างเกิดขึ้นทั้งในที่บ้านและที่ทำงานของผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่ง เดวิด มาร์ติน (David Martin) ผู้อำนวยการปฏิบัติการภาคสนามเขตลอสแองเจลิสได้ออกมาปฏิเสธ จากการรายงานของ ดิ อินดิเพนเดนต์ ที่ว่า ปฏิบัติการที่เกิดนี้ไม่ใช่เป็นผลมาจากคำสั่งทางบริหารของทรัมป์
โดย มาร์ติน อ้างว่า “ปฏิบัติการนี้ใช้เวลาร่วมหลายสัปดาห์ และบางที่นานร่วมเดือนในการวางแผน ดังนั้น ปฏิบัติการอยู่ในขั้นการวางแผนก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯชุดปัจจุบันจะออกคำสั่งทางบริหาร” และในการให้สัมภาษณ์ มาร์ติน อ้างว่า 75% ของผู้ถูกจับกุมจำนวนทั้งหมด 160 คน ในปฏิบัติการเขตลอสแองเจลิสนั้น กระทำผิดอาญาขั้นร้ายแรง ดิ อินดิเพนเดนต์ รายงาน
และซึ่งหมายความว่า 25% ที่เหลือเป็นพวกละเมิดกฎหมายสถานเบา หรือเป็นพวกเข้าเมืองผิดกฎหมาย เดวิด มาร์ติน ชี้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวให้ข้อมูลเพิ่มว่า มีจำนวน 37 คนของผู้ถูกจับกุมในปฎิบัติการเขตลอสแองเจลีสถูกเนรเทศกลับไปยังเม็กซิโก
CNN รายงานเพิ่มเติมในรายละเอียดการบุกจับต่อว่า สำหรับปฏิบัติการกวาดล้างเขตลอสแองเจลิสเกิดขึ้น 5 วันเต็ม ซึ่งในแถลงการณ์ความสำเร็จของการกวาดล้างจาก ICE สาขาลอสแองเจลิส พบว่า มีคนทั้งหมดถูกจับกุม 160 คน ในช่วงระหว่างปฏิบัติการ ซึ่งคนทั้งหมดเป็นพลเมืองต่างด้าว และจากจำนวนทั้งหมด 150 คน มีประวัติอาชญากร และยังการจับกุม 5 คน ได้รับคำสั่งการถูกจับกุม หรือเคยถูกเนรเทศออกไปก่อนหน้านี้ และ 95% ของผู้ถูกควบคุมตัวเป็นเพศชาย
นอกจากนี้ การกวาดล้างที่คล้ายกันนี้ยังเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ที่เมืองแอตแลนตา โดยทาง ICE ยืนยันว่า มีการจับกุมราว 200 คน เกิดขึ้นที่รัฐจอร์เจีย รัฐนอร์ทแคโรไลนา และ รัฐเซาท์แคโรไลนา ในขณะที่ ส.ส. พรรคเดโมแครต รัฐเทกซัส วาควีน คาสโตร (Joaquin Castro) ออกมาแถลงว่า เขาได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ ICE ในพื้นที่ว่า ทางสำนักงานได้ทำการบุกกวาดล้างทั่วรัฐเทกซัสภายใต้ชื่อ “ปฏิบัติการคร็อซเช็ก” (Operation Cross Check) โดย คาสโตร ระบุว่า เขาจะติดตามเพื่อให้แน่ใจว่า ปฏิบัติการเหล่านี้ออกมาเพื่อมีเป้าหมายจัดการอาชญากรที่กระทำผิดอย่างแท้จริง
โดยทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ แถลงว่า จะรายงานตัวเลขปฏิบัติการทั่วประเทศทั้งหมดในวันจันทร์ (13 ก.พ.)
และในส่วนของแถบมิดเวสต์ สื่อสหรัฐฯรายงานว่า พบว่า มีผู้ถูกจับกุมไม่ต่ำกว่า 200 คน ในรัฐอิลลินอยส์ รัฐอินดิแอนา รัฐวิสคอนซิน รัฐเคนตักกี รัฐแคนซัส และ รัฐมิสซูรี ที่เกิดขึ้นภายในก่อนสิ้นสุดของวันศุกร์ (10 ก.พ.) อ้างอิงจากแถลงการณ์ของ ICE สาขาเมืองชิคาโก
