เอเอฟพี - วุฒิสภาสหรัฐฯ รับรอง ทอม ไพรส์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขที่ถูกเลือกโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันนี้ (10 ก.พ.) การแต่งตั้งผู้วิพากษ์วิจารณ์โอบามาแคร์ตัวยงซึ่งมีความตั้งใจที่จะทำตามคำสัญญาของพรรครีพับลิกันที่จะยกเลิกกฎหมายปฏิรูปบริการสุขภาพนี้
ไพรส์ สมาชิกสภาคองเกรสจากจอร์เจีย และอดีตศัลยแพทย์ออร์โทปิดิกส์ (ด้านกระดูกและข้อ) ได้รับการรับรองเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข จากเสียงโหวต 52 เสียงของรีพับลิกันขณะที่เดโมแครตโหวตค้าน 47 เสียง
ในการประกาศเลือกไพรส์วัย 62 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ได้ยกย่องเขาเป็น “ผู้มีความเหมาะสมเป็นพิเศษที่จะนำภารกิจรื้อถอดถอนโอบามาแคร์และนำการบริการสุขภาพที่ราคาถูกและเข้าถึงได้มาให้แก่ชาวอเมริกันทุกคน”
แต่วุฒิสมาชิกฝ่ายเดโมแครตที่คัดค้านการรับรองไพรส์ในช่วงการอภิปรายที่ยืดยาวสู่ช่วงเช้าวันศุกร์ (10) กล่าวว่า เขาจะทำร้ายชาวอเมริกันหลายล้านคนที่พึ่งพาการปฏิรูปบริการสุขภาพของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
กฎหมายนี้ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่ากฎหมายประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Affordable Care Act) ให้การคุ้มครองทางด้านสุขภาพแก่ชาวอเมริกัน 20 ล้านคน และทำให้จำนวนของผู้ไม่ได้รับความคุ้มครองลดลงเหลือไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรก
“ประวัติของท่านผู้แทนไพรส์แสดงให้เห็นว่า เขาให้ความสำคัญกับวาระของพรรคพวกและผลประโยชน์ของกลุ่มบริษัทมาก่อนความเป็นอยู่ทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจของครอบครัวของพวกเรา” อลิซาเบธ วอร์เรน ผู้นำฝ่ายหัวก้าวหน้าของพรรค กล่าว
“ประชาชนอเมริกันสมควรได้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขที่จะช่วยให้ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นได้รับการคุ้มครองจากระบบประกันสุขภาพที่มีคุณภาพและราคาถูก ไม่ใช่คนที่สนับสนุนการขจัดมันด้วยการยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพถ้วนหน้าโดยที่ไม่มีอะไรมาแทนที่”
ส.ว.รอน วายเดน จากพรรคเดโมแครต โต้แย้งว่า การเสนอชื่อไพรส์เป็นการลงประชามติตัดสินอนาคตของการบริการสุขภาพในอเมริกา
“นี่มันเป็นการตัดสินว่าสหรัฐฯ จะกลับไปสู่ยุคมืดที่การบริการสุขภาพมีไว้สำหรับคนสุขภาพแข็งแรงและคนรวยเท่านั้นหรือไม่”
ในระหว่างกระบวนการรับรอง ไพรส์ถูกกล่าวหาว่าค้าหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายในหลังจากมีรายงานเปิดเผยว่า เขาซื้อหุ้นในบริษัทอุปกรณ์การแพทย์แห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้วก่อนเสนอร่างกฎหมายในสภาที่จะเอื้อประโยชน์ให้บริษัทดังกล่าวในอนาคต ไพรส์ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด
การยกเลิกผลงานภายในประเทศชิ้นโบว์แดงของโอบามาเป็นเป้าหมายสูงสุดของพรรครีพับลิกันที่ควบคุมทั้งสองสภาในสภาคองเกรส
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสัญญาว่าจะหาระบบอื่นมาแทนที่ระบบปัจจุบัน แต่พวกเขายังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะทำอย่างไร