xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์เงิบศาลอุทธรณ์ไม่รับคำร้อง คำสั่งแบนมุสลิม 7 ชาติยังเป็นหมันต่อไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - ทรัมป์หน้าหงาย ศาลอุทธรณ์ปฏิเสธคำร้องของกระทรวงยุติธรรม ที่เรียกร้องให้ฟื้นคำสั่งฝ่ายบริหารในการแบนมุสลิม 7 ชาติของทรัมป์ ซึ่งถูกผู้พิพากษาของศาลในซีแอตเติลสั่งระงับไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว

คณะบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ให้กระทรวงยุติธรรมยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์เขต 9 อันเป็นส่วนหนึ่งของการอุทธรณ์เพื่อล้มล้างคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในซีแอตเติลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3) ที่สั่งระงับมาตรการแบนการเดินทางของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมของทรัมป์

ทว่า เมื่อเช้าวันอาทิตย์ (5) ศาลอุทธรณ์เขต 9 ได้ปฏิเสธคำร้องดังกล่าว โดยทางผู้พิพากษา วิลเลียม แคนบี จูเนียร์ในฟินิกซ์ และผู้พิพากษา มิเชลล์ ฟรายด์แลนด์ ในซานฟรานซิสโก ไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ แต่แจ้งกับรัฐวอชิงตัน และมินเนโซตาที่ฟ้องล้มล้างคำสั่งแบนการเดินทางของทรัมป์เป็นรัฐแรกๆ ให้จัดหาเอกสารชี้แจงเหตุผลในการคัดค้านคำสั่งดังกล่าวและมอบให้ศาลภายในเวลา 23.59 น. วันอาทิตย์ (14.59 น. วันจันทร์ตามเวลาไทย) พร้อมขีดเส้นตายให้กระทรวงยุติธรรมเสนอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนคำสั่งของทรัมป์ภายในเวลา 15.00 น. วันจันทร์ (6)

คำวินิจฉัยนี้เท่ากับว่าการระงับคำสั่งแบนการเดินทางยังคงมีผลบังคับใช้ โดยทั้งกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแถลงเมื่อวันเสาร์ (4) ว่าจะกลับไปใช้แนวทางปฏิบัติปกติในการดำเนินการกับนักเดินทางจาก 7 ประเทศที่ถูกแบน

ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวล่าสุดทำให้ทรัมป์เสียหน้าอย่างแรง เพราะประมุขทำเนียบขาวเพิ่งบอกกับผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตส่วนตัวในปาล์มบีช รัฐฟลอริดาเมื่อวันเสาร์ว่า “เพื่อชัยชนะของประเทศ เราจะชนะ” หลังจากกระทรวงยุติธรรมยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงในการอุทธรณ์คำสั่งของผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในซีแอตเติลไม่นาน

อดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์ที่ไต่เต้าถึงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังทวีตโจมตีเจมส์ โรบาร์ต ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในซีแอตเติลตั้งแต่เช้าวันเสาร์ว่า ความเห็นของโรบาร์ตน่าขันและจะถูกล้มล้าง พร้อมยืนยันว่า จำเป็นต้องใช้ “มาตรการคัดกรองแบบสุดโต่ง” กับผู้ลี้ภัยและผู้อพยพเพื่อป้องกันการก่อการร้าย

ทั้งนี้ ในการวินิจฉัยเมื่อวันศุกร์ (3) โรบาร์ต ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่ได้รับแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากพรรครีพับลิกัน ตั้งคำถามว่า คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จวบจนค่ำวันเสาร์ ทรัมป์ยังไม่มีทีท่ารามือจากการทวีตเหน็บแนมโรบาร์ตที่ดำเนินมาตลอดทั้งวัน “ผู้พิพากษาเปิดประเทศของเราต้อนรับว่าที่ผู้ก่อการร้ายและกลุ่มคนอื่นๆ ที่ไม่เคยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของเรา คนเลวกำลังได้ใจ!”

ปกติแล้วประธานาธิบดีจะไม่โจมตีสมาชิกฝ่ายตุลาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ สถาปนาขึ้นมาเพื่อให้ทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนโรบาร์ตก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทวีตของทรัมป์ แต่ทางด้านวุฒิสมาชิกแพทริก เลฮี จากรัฐเวอร์มอนต์สังกัดพรรคเดโมแครต แถลงว่า การแสดงความเป็นปฏิปักษ์ของทรัมป์ต่อหลักนิติธรรมไม่ใช่แค่น่ากระอักกระอ่วนเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตราย ซ้ำดูเหมือนมีเจตนาทำให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ

ด้านรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ให้สัมภาษณ์เครือข่ายเอบีซีที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (5) ว่า คนอเมริกันชินกับประธานาธิบดีที่ปากกับใจตรงกันคนนี้ และยังบอกว่า เขาไม่คิดว่า การที่ทรัมป์วิจารณ์ผู้พิพากษาจะเป็นการบ่อนทำลายหลักการแบ่งแยกอำนาจอย่างที่มีคนวิจารณ์กัน

อนึ่ง คำตัดสินของผู้พิพากษาโรบาร์ตถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกในการท้าทายทางกฎหมายที่อาจยืดเยื้อนานนับเดือนต่อคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ในการสกัดการเดินทางเข้าอเมริกาของผู้ลี้ภัยและพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ได้แก่ อิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน ที่ทำให้สนามบินทั่วอเมริกาสับสนอลหม่าน นักเดินทางจำนวนมากตกค้าง และคนนับพันชุมนุมประท้วงตลอดสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิ สมาชิกพรรคเดโมแครต และชาติพันธมิตรของอเมริกา ต่างออกมาประณามการแบนการเดินทางว่า เป็นการเลือกปฏิบัติ

อเมริกันชนมีความเห็นแตกแยกเกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าวของทรัมป์ โดยโพลของรอยเตอร์/อิปซอสที่จัดทำขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพบว่า 49% เห็นด้วย และ 41% คัดค้าน

โจนาธาน เทอร์ลีย์ ศาสตราจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ชี้ว่า การทวีตวิจารณ์คำตัดสินของผู้พิพากษาของทรัมป์อาจทำให้อัยการของกระทรวงยุติธรรมมีปัญหาในการหาทางปกป้องคำสั่งฝ่ายบริหารในรัฐวอชิงตันและในศาลอื่นๆ และว่า คงยากที่ประธานาธิบดีจะขอให้ศาลเคารพอำนาจของตน ขณะที่ตัวเองไม่เคารพอำนาจฝ่ายตุลาการ

ขณะเดียวกัน กลุ่มสนับสนุนผู้อพยพในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงสหภาพเสรีภาพพลเมืองแห่งอเมริกาและโครงการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยระหว่างประเทศ ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันเสาร์เรียกร้องให้ผู้ที่มีวีซ่าที่ใช้ได้จาก 7 ประเทศที่ถูกแบนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พิจารณาสำรองตั๋วเครื่องบินใหม่เพื่อเดินทางสู่อเมริกาทันที เนื่องจากคำสั่งของผู้พิพากษาซีแอตเติลอาจถูกล้มล้างหรือระงับเมื่อใดก็ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น