ทรัมป์สั่งลุยสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก เตรียมเซ็นห้ามผู้อพยพมุสลิมเข้าปท.

เอเจนซีส์ – 'ทรัมป์'ออกคำสั่งเดินหน้าวางแผนและก่อสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกโดยเร็วที่สุด ตอกย้ำการใช้นโยบายแข็งกร้าวจัดการกับผู้อพยพตามที่หาเสียงไว้ ขณะที่ผู้นำเม็กซิโกประณามการตัดสินใจดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า แดนจังโก้จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในโครงการนี้ นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า ประมุขทำเนียบขาวเตรียมลงนามคำสั่งห้ามผู้อพยพจากซีเรียเข้าอเมริกา รวมถึงระงับการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ของผู้อพยพจาก 7 ประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางและแอฟริกา

ในวันพุธ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่เริ่มวางแผน ออกแบบ และก่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนด้านใต้ติดกับเม็กซิโก ระยะทาง 3,200 กิโลเมตร พร้อมประกาศระหว่างเดินทางไปยังกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเพื่อลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นับจากวันนี้ไป อเมริกาจะกลับมาควบคุมแนวชายแดนของตนเอง เพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าประเทศของผู้อพยพและอาชญากร รวมทั้งการขนส่งยาเสพติด

คำสั่งนี้ยังครอบคลุมถึงการตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางสำหรับรัฐหรือเมืองในสหรัฐฯที่ให้ที่พักพิงแก่ผู้ลักลอบอพยพเข้าอเมริกา รวมทั้งว่าจ้างเจ้าหน้าที่ศุลกากรและการป้องกันชายแดนเพิ่มอีก 5,000 คนเพื่อคอยสอดส่องป้องกันการพยายามลักลอบข้ามแดน และเพิ่มเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรอีกป็น 3 เท่าตัว เพื่อจับกุมและเนรเทศผู้ที่อาศัยอยู่ในอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ การสกัดการลักลอบเข้าประเทศเป็นหนึ่งในนโยบายหลักระหว่างการหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งถูกอกถูกใจบรรดาคอการเมืองปีกขวาและขวาจัดอย่างยิ่ง ขณะที่โพลล์จากมอร์นิ่ง คอนซัลต์/โพลิติโกที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(25)พบว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียง 47% สนับสนุนการสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโก และ 45% คัดค้าน

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังคงไม่แน่ใจว่า กำแพงที่จะสร้างขึ้นจะสามารถป้องกันการลักลอบเข้าเมืองได้จริงหรือไม่ รวมทั้งจะคุ้มค่างบประมาณที่ต้องใช้นับพันล้านดอลลาร์หรือเปล่า หลายคนยังกังวลว่า ทรัมป์กำลังบ่อนทำลายสิทธิเสรีภาพของคนนับล้าน รวมทั้งปฏิบัติต่อเม็กซิโกราวกับเป็นศัตรู

อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงแข็งกร้าวของทรัมป์ดูน่ากังวลน้อยกว่า การหาคำตอบว่า รัฐบาลจะนำเงินจากไหนมาอุดหนุนโครงการนี้ ทั้งที่พรรครีพับลิกันของทรัมป์พร่ำเทศนาเกี่ยวกับความรัดกุมทางการคลังตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้น เป็นไปได้ว่า รัฐสภาซึ่งรีพับลิกันควบคุมอยู่ อาจต้องตัดงบโครงการที่มีอยู่เพื่อนำไปจุนเจือการสร้างกำแพงของทรัมป์

จากคำสั่งนี้ ทรัมป์ยังสั่งให้สำรวจบริเวณตามแนวชายแดนให้เสร็จสิ้นภายใน 180 วัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าพื้นที่สำหรับสร้างแนวกำแพงจำนวนมากอาจต้องเวนคืนมาจากภาคเอกชน ภาครัฐบาล หรือชนเผ่าในรัฐเทกซัส ซึ่งอาจนำไปสู่กระบวนการฟ้องร้องทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ ผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์ทางการเมือง และการจ่ายค่าเวนคืนก้อนใหญ่

ทางด้าน ชัค ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตเสนอแนะว่า วิธีแก้ปัญหาเรื่องผู้อพยพผิดกฎหมายใหได้อย่างแท้จริง มีเพียงการปฏิรูประบบคนเข้าเมืองเพื่อมอบสิทธิความเป็นพลเมืองให้ผู้อพยพผิดกฎหมาย 11 ล้านคนในสหรัฐฯ

ทรัมป์นั้นประกาศกร้าวว่า จะบีบให้เม็กซิโกรับผิดชอบต้นทุนการสร้างกำแพง และบรรดาผู้ช่วยของเขาต่างพยายามคิดหาวิธีเพื่อตอบสนองเจตนารมณ์ประธานาธิบดี โดยกำลังชั่งใจมาตรการต่างๆ ที่อาจนำมาใช้ เช่น การขึ้นอากรค่าธรรมเนียมการข้ามพรมแดน, การขึ้นราคาการขนส่งและเดินทางข้ามแดนที่คนเม็กซิโกต้องจ่าย, หรือกระทั่งการขูดรีดจากเงินที่ชาวเม็กซิโกซึ่งทำงานในสหรัฐฯ ส่งกลับไปให้พี่น้องที่บ้านเกิด ซึ่งเมื่อปีที่แล้วมีมูลค่าถึง 25,000 ล้านดอลลาร์

ด้านอิเดลฟอนโซ กาจาร์โด รัฐมนตรีเศรษฐกิจเม็กซิโก ที่อยู่ที่วอชิงตันพร้อมกับหลุยส์ วิเดกาเรย์ รัฐมนตรีต่างประเทศ เพื่อเตรียมการสำหรับการเยือนสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีเอนริเก เปญา เนียโตของเม็กซิโก ในวันที่ 31 ที่จะถึงนั้น บอกว่า เม็กซิโกจะระงับการหารือแก้ไขปัญหานี้ หากอเมริกานำเรื่องการสร้างกำแพงและการลิดรอนเงินส่งกลับประเทศของพี่น้องชาวเม็กซิกันเข้าหารือ

ขณะที่ตัวเปญา เนียโตเองปราศรัยทางทีวีเมื่อค่ำวันพุธ(25) ประณามการตัดสินใจของสหรัฐฯ และย้ำว่า เม็กซิโกจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพง และแม้ไม่ได้กล่าวตรงๆ ว่า จะเดินทางไปวอชิงตันตามแผนหรือไม่ แต่ผู้นำแดนจังโก้บอกว่า กำลังรอรายงานจากทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่หารือกับเจ้าหน้าที่คณะบริหารของสหรัฐฯ ที่วอชิงตันขณะนี้

กระนั้น เจ้าหน้าที่อาวุโสของเม็กซิโกที่ไม่ประสงค์ออกนาม แย้มว่า เปญา เนียโตกำลังพิจารณายกเลิกการเดินทาง เพื่อบรรเทากระแสความไม่พอใจของชาวเม็กซิโกที่มองว่า ผู้นำของตนอ่อนข้อให้ทรัมป์มากเกินไป นอกจากนั้น เม็กซิโกยังไม่พอใจที่ทรัมป์ประกาศทบทวนหรือยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือที่ทำกับเม็กซิโกและแคนาดามากว่า 20 ปี

ขณะเดียวกัน แอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเม็กซิโก 2 สมัย เรียกร้องให้รัฐบาลฟ้องทรัมป์ต่อสหประชาชาติ เนื่องจากนโยบายการสร้างกำแพงเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนและเลือกปฏิบัติด้านเชื้อชาติ

อนึ่ง นอกจากการสั่งการให้สร้างกำแพงตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์ยังรุกหนักในการป้องกันการลักลอบเข้าประเทศ โดยรายงานระบุว่า ในอีกไม่กี่วันนี้ ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ เตรียมลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่จะห้ามผู้อพยพจากซีเรียเข้าอเมริกา รวมถึงระงับการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ของผู้อพยพจากประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางและแอฟริกา ได้แก่ ซีเรีย ซูดาน โซมาเลีย อิรัก อิหร่าน ลิเบีย และเยเมน ระหว่างที่คณะบริหารกำลังศึกษาเพื่อออกกฎระเบียบฉบับถาวร