เอ็กซ์เพรส/MGR Online - ผู้โดยสารบนเที่ยวบินหนึ่งพากันปรบมือส่งเสียงเชียร์และตะโกนคำว่า “ยูเอสเอ” เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งถูกพาตัวลงจากเครื่อง หลังเธอมีพฤติกรรมท้าทายก้าวร้าวใส่ผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกรุนแรงในทางการเมืองของอเมริกา
ในวิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันเสาร์ (21 ม.ค.) ได้ยินเสียงผู้หญิงรายดังกล่าวกำลังขอให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินช่วยย้ายผู้ชายที่นั่งติดกับเธอให้ไปนั่งที่อื่นแทน
เธอบอกกับชายคนดังกล่าวว่า “คุณอ้างว่าคุณมีศีลธรรมสูงส่ง แต่คุณเอามือชายคนนั้นวางไว้บนปุ่มนิวเคลียร์”
พอพนักงานต้อนรับได้ยินเข้า จึงแจ้งให้ผู้หญิงรายดังกล่าวทราบว่าเธอจำเป็นต้องลงจากเครื่อง ก่อนที่เครื่องบินของสายการบินอะแลสกา แอร์ไลน์ส ที่มีกำหนดออกเดินทางสู่ซีแอตเทิลจะเทกออฟขึ้นจากท่าอากาศยานบัลติมอร์
เมื่อถูกขอให้ลงจากเครื่อง ผู้หญิงรายนี้โต้ตอบกลับไปว่าเธอจ่ายเงินซื้อตั๋วและจะไม่ยอมลงจากเครื่อง เนื่องจากจำเป็นต้องกลับบ้านเพราะแม่สามีเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ในวิดีโออีกคลิปพบเห็นเธอถูกตำรวจพาตัวลงจากเครื่องบิน ท่ามกลางปรบมือ ส่งเสียงเชียร์และตะโกนคำว่า “ยูเอสเอ” ของผู้โดยสารคนอื่นๆ
เฟซบุ๊กของสกอต โคเทสกี อ้างว่าเป็นผู้ชายที่ถูกรังควานและเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า สถานการณ์ร้อนแรงขึ้นเมื่อผู้หญิงรายนี้หันมาสนทนากับเขาเกี่ยวกับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 ของโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ (20 ม.ค.) โดยถามว่าเขาประท้วง หรือเชียร์
โคเทสกีตอบกลับไปว่า “ผมมาที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองประชาธิปไตย มาดาม” เท่านั้นเองสถานการณ์เขากับเพื่อนร่วมทางรายนี้ก็เปลี่ยนไป โดยฝ่ายหญิงเถียงกลับมาว่า “สกอต คุณน่าละอายแก่ใจตัวเองนะที่เลือกคนบ้ารับหน้าที่วางนิ้วบนปุ่มนิวเคลียร์”
อารมณ์ความรู้สึกยังคงสูงลิ่ว แม้ว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะนั้นจะผ่านมากว่า 2 เดือน
เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้โดยสารของสายการบินเจ็ตบลูถูกไล่ลงจากเครื่อง หลังจากตามราวี อิวานกา ทรัมป์ ลูกสาวของประธานาธิบดีทรัมป์ ระหว่างที่เธอกำลังเดินทางพร้อมกับสามีและลูกๆ โดยกล่าวหาพ่อของเธอว่ากำลังทำลายประเทศ
ขณะที่ในวันเสาร์ (21 ม.ค.) ผู้หญิงนับล้านออกมาชุมนุมเดินขบวนเต็มท้องถนนตามเมืองใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ และตามนครหลายแห่งทั่วโลก กลายเป็นกระแสการประท้วงระดับระหว่างประเทศอย่างชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยมุ่งต่อต้านคัดค้านประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากเขาเพิ่งสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งได้ 1 วัน
กระแสการชุมนุมเดินขบวนคราวนี้ยังเน้นย้ำให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างแรงกล้าที่มีต่อการแสดงความคิดเห็นและจุดยืนทางนโยบายของทรัมป์ ซึ่งมีลักษณะดูถูกเหยียดหยามผู้คนมากหน้าหลายกลุ่ม เป็นต้นว่า ผู้อพยพชาวเม็กซิกัน, ชาวมุสลิม, คนพิการ และนักสิ่งแวดล้อม
ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ (20 ม.ค.) ระหว่างพิธีสาบานตนของทรัมป์ ได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมต้านทรัมป์กับตำรวจในย่านกลางกรุงวอชิงตัน ห่างจากจากเส้นทางขบวนพาเหรดเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีใหม่ไม่กี่ช่วงตึก ส่งผลให้มีผู้ถูกควบคุมตัวหลายสิบคน