เอเจนซีส์ - ข้อมูลล่าสุดจากทางยุโรประบุว่า รถยนต์เครื่องดีเซลรุ่นใหม่ๆ ปล่อยมลพิษมากกว่ารถบรรทุกขนาดใหญ่และรถบัสถึง 10 เท่า
จากการเปิดเผยของนักวิจัยที่อยู่เบื้องหลังรายงานชิ้นนี้ ตัวเลขที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงสำหรับมลพิษจากไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ถูกพบในการทดสอบที่เข้มงวดมากขึ้นกับบรรดารถขนาดใหญ่ในสหภาพยุโรป พวกเขายังบอกด้วยว่ามาตรการที่เข้มงวดเหล่านี้จะถูกนำมาใช้กับรถยนต์ธรรมดาด้วย
มลพิษจากไนโตรเจนออกไซด์นั้นทำให้ชาวยุโรปหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตเร็วขึ้น โดยที่สหราชอาณาจักรนั้นมีตัวเลขผู้บาดเจ็บล้มตายจากเหตุนี้มากที่สุด มลพิษเหล่านี้มีจำนวนมากที่ถูกปล่อยออกมาโดยรถยนต์เครื่องดีเซล ซึ่งมักจะปล่อยมลพิษเวลาแล่นตามท้องถนนมากกว่าตอนที่ทดสอบในห้องแล็บถึง 6 เท่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีข่าวอื้อฉาวของ “โฟล์คสวาเกน” เรื่องโกงวัดค่ามลพิษ ทำให้การทดสอบมีความเข้มงวดมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นเหล่านักรณรงค์ก็ยังบอกว่าการปฏิรูปที่ทำอยู่นี้ยังไม่เพียงพอ
สำหรับรายงานชิ้นใหม่ของสภานานาชาติว่าด้วยการขนส่งที่สะอาด (ICCT) ที่เคยมีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงกลโกงของโฟล์กสวาเกน ได้มีการเปรียบเทียบการปล่อยมลพิษของรถบรรทุกและรถบัสด้วยการขับในสภาพแวดล้อมจริง
พวกเขาพบว่ารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ทำการทดสอบในเยอรมนีและฟินแลนด์มีการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ 210 มิลลิกรัมต่อการขับขี่ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่ารถยนต์เครื่องดีเซลที่ปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ 500 มิลลิกรัม/กิโลเมตร แถมรถยนต์เหล่านั้นยังเป็นพวกรถใหม่ๆ ที่ผ่านมาตรฐานสูงสุด “Euro 6” อีกด้วย
นอกจากนี้ รถบรรทุกและรถบัสยังใช้เครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า รวมถึงมีอัตราการเผาไหม้น้ำมันดีเซลต่อกิโลเมตรมากกว่า ซึ่งนั่นหมายความว่ารถยนต์ธรรมดาที่ใช้เครื่องดีเซลนั้นปล่อยไนโตรเจนออกไซด์มากกว่ารถบรรทุกและรถบัสถึง 10 เท่า ต่อการใช้เชื้อเพลิง 1 ลิตร
การวิเคราะห์ของ ICCT แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตนั้นทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่ารถบรรทุกขนาดใหญ่จะปล่อยมลพิษออกมาน้อยกว่าระดับที่จำกัดไว้เมื่อมีการแล่นบนถนนจริง ส่วนรถยนต์ธรรมดาที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลกลับปล่อยมลพิษออกมาสูงกว่าตอนทดสอบมากมายหลายเท่า เมื่อใช้งานจริงบนท้องถนน