xs
xsm
sm
md
lg

กบฏซีเรียบุกยึด 'ดาบิก' เมืองสำคัญทางอุดมการณ์จาก 'ไอเอส'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<i>นักรบจากกลุ่มกบฏซีเรียที่ตุรกีหนุนหลัง อุดหูของตนเองขณะยิงปืนครก ระหว่างสู้รบกับกลุ่ม “ไอเอส” ที่บริเวณนอกเมืองดาบิก เมื่อวันเสาร์ (15 ต.ค.)  ต่อมาในวันอาทิตย์ (16) ฝ่ายกบฎรวมทั้งสื่อของทางการตุรกีตลอดจนกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย แถลงตรงกันว่ากลุ่มกบฎสามารถเข้ายึดเมืองนี้ได้แล้ว </i>
เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - กองกำลังกบฏที่หนุนหลังโดยตุรกี สามารถยึดเมืองดาบิก เมืองเล็กๆ ในภาคเหนือของซีเรีย ซึ่งมีความหมายสูงลิ่วในเชิงอุดมการณ์ จากพวก “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) ถือเป็นความเพลี่ยงพล้ำเชิงสัญลักษณ์ครั้งใหญ่สำหรับกลุ่มนักรบญิฮาดกลุ่มนี้

ความปราชัยของไอเอสคราวนี้ บังเกิดขึ้นขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ มีกำหนดพบปะหารือกับบรรดาพันธมิตรยุโรปของอเมริกันในกรุงลอนดอน โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามผลักดันทางการทูตครั้งใหม่เพื่อยุติสงครามความขัดแย้งในซีเรีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 300,000 คนนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา

ทั้งสื่อมวลชนของทางการตุรกี, กลุ่มกบฏกลุ่มหนึ่ง, และกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย ต่างรายงานว่า กองกำลังฝ่ายกบฏ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเครื่องบินรบและปืนใหญ่ของตุรกี สามารถเข้าควบคุมเมืองดาบิกได้สำเร็จแล้วในวันอาทิตย์ (16)

เมืองเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอะเลปโป ทางภาคเหนือของซีเรียแห่งนี้ แทบไม่ค่อยมีคุณค่าอะไรในเชิงยุทธศาสตร์ ทว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในทางอุดมการณ์สำหรับกลุ่มไอเอสและเหล่าสาวกผู้ติดตาม เนื่องจากมีคำพยากรณ์ของอิสลามนิกายสุหนี่ที่ระบุว่า เมืองนี้จะเป็นสถานที่เกิดการทำสงครามตัดสินขั้นสุดท้ายระหว่างกองกำลังของฝ่ายคริสเตียนกับกองกำลังของฝ่ายมุสลิม

กลุ่มสังเกตการณ์ฯ ซึ่งเป็นกลุ่มเฝ้าติดตามสงครามซีเรียที่มีฐานอยู่ในอังกฤษและอาศัยเครือข่ายสายข่าวซึ่งเป็นพวกนักเคลื่อนไหวคัดค้านรัฐบาลในซีเรีย รายงานว่า กองกำลังกบฏ “เข้ายึดดาบิกเอาไว้ หลังจากพวกสมาชิกไอเอสถอนตัวออกจากพื้นที่ดังกล่าว”

ขณะที่ กลุ่ม “ฟาสตอกิม ยูเนียน” กลุ่มย่อยของกบฏซีเรียที่ตุรกีหนุนหลังอยู่ และมีส่วนร่วมในการสู้รบคราวนี้ แถลงว่า ดาบิกถูกตีแตก “ภายหลังมีเการปะทะสู้รบกันอย่างดุเดือด”

กลุ่มสังเกตการณ์ฯ รายงานด้วยว่า พวกกองกำลังฝ่ายกบฏยังสามารถยึดเมืองซอว์รัน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ดาบิก เอาไว้ด้วย

ด้านสำนักข่าวอนาโดลู ของทางการตุรกีก็ระบุเช่นเดียวกันว่า ฝ่ายกบฏสามารถควบคุมทั้งดาบิกและซอว์รันเอาไว้ได้ และกำลังปฏิบัติงานเก็บกู้วัตถุระเบิดซึ่งนักรบไอเอสทิ้งเอาว้ในขณะทำการล่าถอย

อนาโดลูรายงานด้วยว่า ฝ่ายกบฏถูกสังหารไป 9 คนและบาดเจ็บอีก 28 คน ระหว่างเกิดการปะทะสู้รบกันในวันเสาร์ (15)
<i>นักรบจากกลุ่มกบฏซีเรียที่ตุรกีหนุนหลัง ทำการสู้รบกับกลุ่ม “ไอเอส” ที่บริเวณนอกเมืองดาบิกในวันเสาร์ (15 ต.ค.) ก่อนจะยึดเมืองที่มีความสำคัญเชิงอุดมการณ์แห่งนี้เอาไว้ได้ในวันอาทิตย์ (16) </i>
ดาบิกกลายเป็นคำขวัญปลุกใจคำหนึ่งในบรรดาพวกผู้สนับสนุนไอเอส ที่ปรารถนาจะเห็นการทำสงครามล้มล้างฝ่ายตะวันตก โดยที่การทิ้งระเบิดของวอชิงตันและพันธมิตร เข้าถล่มนักรบญิฮาดกลุ่มนี้ ถูกวาดภาพตีความให้เห็นว่าเป็นสงครามครูเสด (สงครามศาสนาระหว่างกองกำลังชาวคริสต์กับกองกำลังชาวมุสลิมในสมัยกลาง) ในยุคใหม่

อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์ที่แล้วพวกไอเอสได้พยายามลดความสำคัญของการที่กลุ่มกบฏรุกคืบเข้ามายังเมืองนี้

“การสู้รบแบบตีแล้วก็ถอยในเมืองดาบิกและบริเวณรอบๆ เหล่านี้ เป็นเพียงศึกดาบิกครั้งย่อยๆ ซึ่งจะจบลงในสงครามมหากาพย์แห่งดาบิกอันยิ่งใหญ่กว่านั้นมากมายนัก” ไอเอสระบุในจุลสารที่นำออกเผยแพร่ทางออนไลน์เมื่อวันพฤหัสบดี (13)

ตุรกีได้เปิดการปฏิบัติการสู้รบภายในซีเรียอย่างที่ไม่เคยกระทำมาก่อนตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม และกำลังช่วยเหลือพวกกบฏซีเรียหลายกลุ่ม ในการกำจัดขับไล่ทั้งนักรบญิฮาดไอเอสและกองกำลังอาวุธของชาวเคิร์ดซีเรีย ให้พ้นออกไปจากพื้นที่ชายแดนของซีเรียซึ่งติดต่อกับตุรกี

ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิป แอร์โดอัน ของตุรกี แถลงในวันเสาร์ (15) ที่ผ่านมาว่า ตุรกีจะยังเดินหน้าผลักดันให้กองกำลังเหล่านี้ถอยลงไปทางใต้มากขึ้นอีก เพื่อก่อตั้งพื้นที่ปลอดภัยขนาด 5,000 ตารางกิโลเมตรขึ้นในซีเรีย

ทว่าเวลานี้พื้นที่ชายแดนระหว่างตุรกีกับซีเรีย ก็อยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพอย่างแรง โดยเมื่อวันอาทิตย์ (16) สื่อของทางการตุรกีรายงานว่า ได้เกิดเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายหลายรายจุดบึ้มตัวเอง ตอนที่ตำรวจจู่โจมเข้าทลายหน่วยย่อยปิดลับของพวกเขาในเมืองกาเซียนเตป ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี ทำให้ตำรวจเสียชีวิตไปด้วย 3 คน

ตามรายงานของสำนักข่าวอนาโดลู เวลานี้พวกกบฏซีเรียที่อังการาหนุนหลังอยู่ สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ขนาด 1,130 ตารางกิโลเมตรตามแนวชายแดนซีเรีย-ตุรกีในเขตจังหวัดอะเลปโป โดยที่จังหวัดทางตอนเหนือของซีเรียแห่งนี้ปัจจุบันถูกตัดเฉือนแย่งกันเข้าควบคุมโดยกองกำลังต่างๆ ทั้งพวกนักรบญิฮาด, ชาวเคิร์ด, กลุมกบฏซีเรีย, และกองกำลังฝ่ายรัฐบาลซีเรีย

ในเมืองอะเลปโป ที่เป็นเมืองเอกของจังหวัดนี้ และเคยมีฐานะเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของซีเรีย เวลานี้กองทหารฝ่ายรัฐบาลที่ได้รับการหนุนหลังจากรัสเซีย ก็กำลังทำการรุกและเข้าสู้รบอย่างดุเดือดกับพวกกบฏที่ยังยึดพื้นที่หลายส่วนทางด้านตะวันออกของเมืองนี้เอาไว้
<i>ชายชาวซีเรียที่ได้รับบาดเจ็บ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอับ-ราซี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมของฝ่ายรัฐบาลในเมืองอะเลปโป เมื่อวันอาทิตย์ (16 ต.ค.) มีรายงานว่าการสู้รบในเมืองอะเลปโปดุเดือดรุนแรงขึ้นมาก นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงในซีเรียที่มีสหรัฐฯกับรัสเซียเป็นนายหน้า ได้ล้มคว่ำลงไปเมื่อเดือนที่แล้ว </i>
การสู้รบดุเดือดใน“อะเลปโป”ดำเนินต่อไป

กลุ่มสังเกตการณ์ฯแจ้งว่าการสู้รบยังคงดำเนินต่อไปในวันอาทิตย์ (16) ในบริเวณใจกลางเมืองอะเลปโป ตลอดจนบริเวณชานเมืองด้านเหนือและด้านใต้

ขณะที่พวกผู้สื่อข่าวให้เอเอฟพีในอะเลปโปรายงานว่า มีการโจมตีทางอากาศเข้าถล่มพื้นที่ครึ่งหนึ่งของเมืองซึ่งอยู่ในความควบคุมของฝ่ายกบฏอย่างแทบไม่มีการหยุดเว้นวรรคเลยนับตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนเป็นต้นมา

ด้านสำนักข่าวซานาของทางการซีเรียแจ้งว่า มีผู้หญิงถูกสังหารไป 2 คนและประชาชนอีก 16 คนได้รับบาดเจ็บ จากการที่พวกกบฏยิงเข้าใส่ย่านที่อยู่อาศัยย่านหนึ่งซึ่งอยู่ในความควบคุมของฝ่ายรัฐบาลเมื่อวันอาทิตย์ (16)

การสู้รบในอะเลปโปได้ทวีความดุเดือดรุนแรงขึ้นมาก ภายหลังการพังครืนในเดือนที่แล้วของข้อตกลงหยุดยิงที่มีสหรัฐฯกับรัสเซียเป็นคนกลาง สถานการณ์เช่นนี้กำลังก่อให้เกิดความวิตกกังวลอย่างยิ่งในหมู่นานาชาติ

รัฐมนตรีต่างประเทศเคร์รี ของสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางไปลอนดอนในวันอาทิตย์ (16) เพื่อบรรยายสรุปให้เหล่าพันธมิตรในยุโรปของวอชิงตันได้รับทราบ ภายหลังจากมีการประชุมหารือแบบ “ระดมความคิดเห็น” กันในเมืองโลซานน์, สวิตเซอร์แลนด์ กับพวกผู้เล่นรายหลักๆ ในสงครามความขัดแย้งอันนองเลือดที่ซีเรีย

ทั้งนี้การหารือที่โลซานน์เมื่อวันเสาร์ (15) คราวนี มีทั้งพวกที่หนุนหลังฝ่ายกบฏในซีเรีย อย่างเช่น กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, และตุรกี ตลอดจนพวกที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรีย อย่างอิหร่านและรัสเซีย เข้าร่วม

แต่การพูดจากันคราวนี้ก็ไม่ได้ทำให้เกิดแผนการรูปธรรมเพื่อฟื้นฟูการหยุดยิงที่ล้มครืนลงไปขึ้นมาใหม่ โดยที่วอชิงกันกับมอสโกต่างยังคงกล่าวหากันไปมาอย่างขมขื่น ขณะที่เกิดการสู้รบใหม่ๆ ในสมรภูมิ

คาดหมายกันว่าในวันอาทิตย์ (16) เคร์รี่จะได้พบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ, ฝรั่งเศส, และเยอรมนี ทว่าความหวังที่จะเกิดการผ่าทางตันอะไรได้นั้นยังคงดูมืดมน

หนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทมส์ฉบับวันที่ 16 ต.ค. รายงานว่า เป็นที่คาดหมายกันว่า ระหว่างการพบปะเจรจาคราวนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ จะยื่นข้อเสนอให้จัดตั้ง “เขตห้ามทิ้งระเบิด” (no-bombing zones) ขึ้นในซีเรีย ซึ่งก็รวมถึงที่เมืองอะเลปโปด้วย

รายงานข่าวนี้ซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับจอห์นสันรายหนึ่งระบุว่า จอห์นสันจะหาทางให้วอชิงตันและชาติยุโรปอื่นๆ หนุนหลังข้อเสนอที่จะขู่ทิ้งระเบิดถล่มที่ตั้งทางทหารของรัฐบาลซีเรียเป็นการตอบโต้ ถ้าหากมีการทิ้งระเบิดใส่พื้นที่บางพื้นที่หรือสถานที่บางประเภท เป็นต้นว่าโรงพยาบาล

กำลังโหลดความคิดเห็น