เอเอฟพี /รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ แถลงยืนยันในวันนี้ (23 พ.ค.) ว่า มุลลาห์ อัคตาร์ มานซูร์ หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มตอลิบาน ได้ถูกสังหารแล้วจากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ พร้อมกับระบุด้วยว่า การเสียชีวิตของบุคคลผู้นี้เป็น “หลักหมายสำคัญหลักหมายหนึ่ง” บนเส้นทางแห่งความพยายามนำสันติภาพมาสู่อัฟกานิสถาน
การถล่มทิ้งระเบิดซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (21) ถือเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายอเมริกันโจมตีเล่นงานผู้นำระดับสูงสุดของกลุ่มตอลิบานอัฟกันในดินแดนปากีสถาน และคาดหมายกันว่าจะสร้างความเสียหายอย่างสำคัญให้แก่ขบวนการหัวรุนแรงนี้ ซึ่งทำท่ากระเตื้องฟื้นฟูขึ้นมาภายใต้การนำของมานซูร์
โอบามาซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเยือนเวียดนามเป็นเวลา 3 วัน กล่าวย้ำในคำแถลงยืนยันของเขา ถึงความสนับสนุนที่มีต่อรัฐบาลอัฟกานิสถานในกรุงคาบูล และกองกำลังรักษาความมั่นคงของชาวอัฟกัน ตลอดจนเรียกร้องให้พวกผู้นำตอลิบานที่ยังเหลืออยู่ หันมาเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้อนุมัติให้ใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ออกถล่มโจมตีสังหาร มานซูร์ ในพื้นที่ห่างไกลบริเวณชายแดนระหว่างปากีสถานกับอัฟกานิสถานแต่อยู่เข้ามาในเขตของปากีสถาน โดยที่ทางการเจ้าหน้าที่อัฟกันได้ระบุตั้งแต่วันอาทิตย์ (22) ว่าภารกิจนี้ประสบความสำเร็จ
ทว่าก่อนที่โอบามาจะออกคำแถลงนี้ พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเองยังไม่มีใครออกมายืนยันว่าหัวหน้าใหญ่กลุ่มตอลิบานอัฟกันผู้นี้ถูกฆ่าแน่ๆ แล้ว โดยระบุว่าต้องรอจนกว่าฝ่ายข่าวกรองจะประเมินผลอย่างสมบูรณ์แล้ว
คำแถลงของโอบามากล่าวโทษมานซูร์ว่า ผู้นำกลุ่มตอลิบานอัฟกันผู้นี้ ได้ปฏิเสธการเจรจาสันติภาพ และ “ยังคงวางแผนกโลบายและเปิดการโจมตีใส่กองกำลังอเมริกันและกองกำลังฝ่ายพันธมิตร, ยังคงทำสงครามคัดค้านประชาชนชาวอัฟกัน, และยังคงนำตนเองเข้าเป็นพันธมิตรกับกลุ่มสุดโต่งต่างๆ อย่างเช่นอัลกออิดะห์”
โอบามาสำทับว่า “ (พวกผู้นำ) ตอลิบาน (ที่ยังเหลืออยู่) ควรที่จะยึดกุมโอกาสนี้เพื่อเดินไปตามเส้นทางอันแท้จริงเพียงเส้นเดียวที่จะยุติการสู้รบขัดแย้งอันยาวนานนี้ได้ ซึ่งได้แก่การเข้าร่วมกับรัฐบาลอัฟกันในกระบวนการปรองดองเพื่อนำไปสู่สันติภาพและเสถียรภาพอันยั่งยืน”
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าการปฏิบัติการเล่นงานมานซูร์คราวนี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในอัฟกานิสถาน หรือหวนกลับไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันอย่างแข็งขันกับการสู้รบในประเทศนั้น หลังจากที่พันธมิตรนานาชาติซึ่งนำโดยสหรัฐฯได้ยุติภารกิจสู้รบในอัฟกานิสถานแล้วนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2015
ปัจจุบันสหรัฐฯมีทหาร 9,800 คนในอัฟกานิสถาน โดยแบ่งส่วนหนึ่งเข้าร่วมในภารกิจที่นำโดยองค์การนาโต้ ในการฝึกอบรมและให้คำแนะนำกองกำลังอาวุธต่างๆ ของท้องถิ่น ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเข้าร่วมในภารกิจต่อต้านการก่อการร้ายโดยทำการสู้รบกับกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ เป็นต้นว่า อัลกออิดะห์ และ “รัฐอิสลาม” (ไอเอส)
เป็นที่คาดหมายกันว่า สหรัฐฯจะตัดสินใจภายในปีนี้ว่า จะยังคงยึดมั่นอยู่กับตารางเวลาเดิมหรือไม่ ซึ่งกำหนดให้ลดกำลังทหารอเมริกันในอัฟกานิสถานลงมาเหลือ 5,500 คนก่อนเริ่มต้นปี 2017
สำหรับมานซูร์ เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มตอลิบานในเดือนกรกฎาคม 2015 ภายหลังมีการเปิดเผยว่า มุลลาห์ โอมาร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน
มานซูร์ถูกสังหารในวันเสาร์ (21) เมื่อโดรนของสหรัฐฯยิงขีปนาวุธใส่รถยนต์ที่เขานั่งมา ขณะอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆ เมืองอาหมัด ลัล ในแคว้นบาโลจิสถาน ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน
เชื่อกันว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯเล่นงานเป้าหมายซึ่งเป็นบุคคลระดับอาวุโสของกลุ่มตอลิบานอัฟกัน ภายในอาณาเขตของปากีสถาน
ปากีสถานนั้นถูกมองมานานแล้วว่าให้ที่พำนักพักพิงแก่พวกคณะผู้นำระดับสูงของตอลิบานอัฟกันเพื่อที่จะรักษาอิทธิพลบารมีซึ่งมีอยู่กับกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้ และภายหลังมีข่าวการถูกสังหารของมานซูร์ในเขตแดนของตนแล้ว ปากีสถานก็ได้ออกมาประณามวิจารณ์สหรัฐฯว่าล่วงละเมิดอธิปไตยของตน
อย่างไรก็ดี โอบามาระบุในคำแถลงของเขาว่า กองทหารอเมริกันจะยังคงเดินหน้าเข้าหาสิ่งซึ่งเป็นภัยคุกคามที่อยู่บนดินแดนของปากีสถาน
“เราจะทำงานในสิ่งที่เป็นวัตถุประสงค์ร่วมกันกับปากีสถาน อันเป็นสถานที่ซึ่งจักต้องปฏิเสธไม่ยินยอมให้พวกผู้ก่อการร้ายที่คุกคามประเทศของเราทั้งหมด ใช้เป็นที่พักพิงอันปลอดภัย” โอบามา บอก
ใครจะเป็นผู้นำตอลิบานคนต่อไป?
แต่การโจมตีคราวนี้ก็ยังอาจกลายเป็นสัญญาณแสดงถึงความร้าวฉานครั้งใหม่ในสายสัมพันธ์สหรัฐฯ-ปากีถสาน หลังจากที่กลับกระเตื้องดีขึ้นมาได้ในช่วงไม่กี่ปีหลังนี้ หลังจากมึนตึงกันนับตั้งแต่ที่สหรัฐฯส่งกำลังทหารหน่วย “ซีล” ของตนบุกเข้าไปสังหาร อุซามะห์ บินลาดิน ผู้ก่อตั้งอัลกออิดะห์ ภายในดินแดนปากีสถานเมื่อปี 2011
มีรายงานว่าอันที่จริงแล้วสหรัฐฯได้ส่งโดรนออกทำการโจมตีในปากีสถานเป็นร้อยๆ เที่ยว โดยมุ่งเน้นบริเวณพื้นที่ของชาวชนเผ่าแถบชายแดนติดต่อกับอัฟกานิสถาน ทั้งนี้จากเอกสารที่รั่วไหลออกมาชี้ว่าปากีสถานให้ความเห็นชอบกับเรื่องนี้อย่างเงียบๆ ถึงแม้ออกมาแสดงการประท้วงต่อหน้าสาธารณชนก็ตามที
อย่างไรก็ดี สำหรับเหตุการณ์คราวนี้ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าปากีสถานเพิ่งได้รับแจ้งภายหลังการโจมตีเกิดขึ้นแล้ว โดยที่ในรายงานทางการทูตของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯซึ่งรั่วไหลออกมาชี้ว่า ตั้งแต่ปี 2010 แล้วฝ่ายปากีสถานต้องการให้บาโลจิสถาน ยังคงเป็นเขตปลอดจากการโจมตีของโดรนสหรัฐฯ ถึงแม้แคว้นแห่งนี้จะเป็นที่มั่นของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการแยกตัวเป็นเอกราช
ทางด้านแหล่งข่าวที่เป็นพวกตอลิบานระดับอาวุโสหลายราย ได้ยืนยันเรื่องมานซูร์ถูกสังหารนี้กับเอเอฟพีเช่นกัน ถึงแม้กลุ่มนี้ยังไม่มีการออกคำแถลงอย่างเป็นทางการใดๆ แหล่งข่าวเหล่านี้ระบุด้วยว่า ชูเราะห์ (สภาชนเผ่า) สูงสุดของตอลิบาน ได้เปิดการหารือกันมาตั้งแต่วันอาทิตย์ (22) เพื่อสรรหาผู้นำคนใหม่
แหล่งข่าวตอลิบานอาวุโสรายหนึ่งบอกเอเอฟพีว่า การที่มานซูร์ถูกสหรัฐฯฆ่า ได้ทำให้คณะผู้นำตอลิกันตื่นตระหนก หลายๆ คนกำลังเก็บตัวเงียบอยู่ในปากีสถาน ขณะที่บางคนหนีข้ามพรมแดนเข้าไปในอัฟกานิสถาน
“การประชุมของชูเราะห์กำลังดำเนินอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่มีการเปิดเผย พวกเขายังต้องเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกโดรนของสหรัฐฯโจมตี” แหล่งข่าวผู้นี้กล่าว
สำหรับผู้มีสิทธิเข้าชิงชัยเพื่อสืบทอดตำแหน่งต่อจากมานซูร์นั้น เห็นกันได้ว่าได้แก่ มุลลาห์ ยาคูบ บุตรชาย ของมุลลาห์ โอมาร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มตอลิบาน และ มุลลาร์ อับดุล มานาน อัคฮุนด์ น้องชายของโอมาร์
อีกคนหนึ่งซึ่งมีความเป็นไปได้เช่นกัน คือ ซีรอจุดดีน ฮักกอนี ที่มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าของมานซูร์ ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นหัวหน้าของเครือข่ายฮักกอดี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับตอลิบาน และเป็นที่คร้ามเกรงหวาดหวั่นกันจากพฤติการณ์ใช้มือระเบิดฆ่าตัวตายก่อเหตุสยดสยอง