xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus : “ทรัมป์” กวาดเรียบหยั่งเสียง 5 รัฐตะวันออก “คลินตัน” ใกล้ถึงเส้นชัยได้ผู้แทนเกินครึ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

- โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์วัย 69 ปี เต็งหนึ่งในศึกชิงตัวแทนพรรครีพับลิกัน
นับเป็นผู้สมัครที่กระแสแรงจนยากที่จะฉุดไว้อยู่แล้วสำหรับมหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งล่าสุด สามารถกวาดชัยชนะ 5 รัฐรวดในศึกหยั่งเสียงไพรแมรี ของพรรครีพับลิกัน เมื่อวันอังคารที่ 26 เม.ย. ขณะที่ ฮิลลารี คลินตัน เต็งหนึ่งของเดโมแครต ก็เบียดแซงคู่แข่งร่วมพรรคอย่าง ส.ว. เบอร์นี แซนเดอร์ส เก็บชัยชนะมาได้อีก 4 รัฐ กวาดจำนวนผู้แทนออกเสียงใกล้ “เกินครึ่ง” เข้ามาทุกขณะ และทำให้โอกาสที่เต็งหนึ่งทั้งคู่จะคว้าตำแหน่งผู้แทนพรรคเพื่อไปชิงดำกันในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลายปีนี้ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ทรัมป์ สร้างปรากฏการณ์ฮือฮาอีกครั้งด้วยการเอาชนะ ส.ว.เท็ด ครูซ และ จอห์น เคซิก ผู้ว่าการรัฐโอไอโฮ ใน 5 รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ คอนเน็ตทิคัต, เดลาแวร์, แมริแลนด์, เพนซิลเวเนีย และโรดไอแลนด์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่เอือมระอาต่อกลุ่มอำนาจเก่ายังพร้อมที่จะเทคะแนนให้มหาเศรษฐีปากร้ายผู้เป็นทางเลือกใหม่ และแม้บรรดา “รีพับลิกัน เอสแทบลิชเมนต์” จะพยายามเตะสกัดอย่างไรก็ดูจะไม่เป็นผล

ในฝั่งของเดโมแครต คลินตัน เก็บชัยชนะได้ที่รัฐเดลาแวร์ คอนเน็ตทิคัต แมริแลนด์ และเพนซิลเวเนีย ซึ่งถือเป็น “รางวัลใหญ่” แต่ก็ไปพลาดให้แก่ ส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์ส ที่รัฐโรดไอแลนด์

ทรัมป์ สามารถกวาดคะแนนเสียงได้เกิน 50% ในทั้ง 5 รัฐ ซึ่งทำให้จำนวนผู้แทนออกเสียงของเขายิ่งพุ่งติดจรวด ก่อนจะมีกระบวนการโหวตเลือกผู้แทนพรรคอย่างเป็นทางการในเดือน ก.ค.นี้

เจมส์ โมโรน อาจารยคณะรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบราวน์ ชี้ว่า “หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มที่รณรงค์ให้หยุด ทรัมป์ พยายามจะสกัดดาวรุ่งเขาให้ได้... แต่ผลการหยั่งเสียงในวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า มันไม่ได้ผลหรอก”

ครูซ และ เคซิก ได้ตัดสินใจรวมพลังกันชั่วคราวในช่วงโค้งสุดท้าย โดย เคซิก จะงดหาเสียงในรัฐอินดีแอนา และหันไปทุ่มเททรัพยากรที่รัฐนิวเม็กซิโก และออริกอนแทน เช่นเดียวกับ ครูซ ที่จะเดินหน้าเข้าหาผู้มีสิทธิออกเสียงในรัฐอินดีแอนาเต็มสูบ และปล่อย 2 รัฐที่เหลือให้ เคซิก เพื่อหลีกเลี่ยงการแย่งคะแนนกันเองในกลุ่มต่อต้านทรัมป์

“แต่ถ้า ทรัมป์ ยังชนะได้ที่อินดีแอนา ก็ยากที่ใครจะหยุดเขาได้อีก” โมโรน กล่าว

ในฝั่งเดโมแครต ฐานเสียงที่แข็งแกร่งของ คลินตัน สร้างแรงกดดันต่อ แซนเดอร์ส มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ ส.ว.จากรัฐเวอร์มอนต์ผู้นี้ก็ยืนกรานจะสู้ต่อจนถึงศึกหยั่งเสียงไพรแมรีที่รัฐแคลิฟอร์เนียในวันที่ 7 มิ.ย. และไม่ยอมรับว่าตนหมดโอกาสที่จะได้เป็นผู้แทนเดโมแครตแน่นอนแล้ว

ตามเกณฑ์ของพรรคเดโมเครต หากผู้สมัครคนใดเก็บจำนวนผู้แทนออกเสียงถึงครึ่ง หรือเท่ากับ 2,383 คน จะลอยลำคว้าตำแหน่งผู้แทนพรรคได้อย่างแน่นอนในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งชัยชนะล่าสุดก็ทำให้ คลินตัน มีจำนวนตัวแทนพุ่งไปถึง 2,168 คน นับว่าใกล้เข้าสู่เส้นชัยเต็มที ในขณะที่ แซนเดอร์ส เพิ่งจะเก็บผู้แทนไปได้เพียง 1,401 คน

หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า ที่ปรึกษา และกลุ่มพันธมิตรของ คลินตัน เริ่มที่จะหารือและทาบทามบุคคลที่จะลงสมัครเป็น “รองประธานาธิบดี” คู่กับเธอ โดยมีตัวเลือกอยู่ราวๆ 15-20 คน ซึ่งการตระเตรียมเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า แคมเปญของ คลินตัน เริ่มที่จะมองข้ามช็อตไปสู่ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 8 พ.ย. มากกว่าจะมุ่งแข่งขันกับ แซนเดอร์ส

การเลือกตั้งขั้นต้นสนามถัดไปคือ ที่มลรัฐอินดีแอนา ในวันที่ 3 พ.ค. กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะจะเป็นรัฐแรกใน 3 รัฐซึ่ง ครูซ กับ เคซิก ทำข้อตกลงงดแข่งขันกันเองชั่วคราว อย่างไรก็ตาม โพลของซีบีเอสพบว่า ทรัมป์ มีคะแนนนิยมมาเป็นที่หนึ่งในรัฐนี้ คือ ราวๆ 40% ขณะที่ ครูซ และ เคซิก มีเพียง 35% และ 20% ตามลำดับ

โครีย์ เลวันโดวสกี ผู้จัดการแคมเปญของ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว MSNBC ว่า “ครูซ ถูกเขี่ยออกไปจากการคัดเลือกผู้แทนพรรคแล้วในทางคณิตศาสตร์” ขณะที่ ริก ไวลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองในประเทศของทรัมป์ ก็บอกในทำนองเดียวกันว่า “เป็นที่รู้กันว่าเราจะได้ผู้แทนออกเสียงถึง 1,237 คนแน่ๆ”
ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และเต็งหนึ่งในศึกชิงผู้แทนพรรคเดโมแครต

ล่าสุด ทรัมป์ มีผู้แทนออกเสียงอยู่ในมือแล้วทั้งสิ้น 988 คน จากการชนะหยั่งเสียงมาแล้ว 27 รัฐ และดินแดน ส่วน ครูซ มีอยู่ 568 คน และเคซิก 152 คน โดยผู้สมัครที่ได้ถึง 1,237 คน หรือเกินครึ่งหนึ่งของตัวแทนผู้ลงคะแนน เป็นอันมั่นใจได้ว่า จะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนของพรรค ในการประชุมใหญ่รีพับลิกันที่เมืองคลีฟแลนด์ ในเดือน ก.ค. นี้อย่างแน่นอน

หาก ทรัมป์ ซึ่งเป็นเต็งหนึ่งได้ผู้แทนออกเสียงไม่ถึง 1,237 คน จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า brokered convention โดยแกนนำพรรคจะสามารถเจรจาต่อรอง และเทคะแนนสนับสนุนผู้สมัครคนอื่นที่คิดว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมกว่า ทรัมป์ ขณะที่ผู้แทนออกเสียงทั่วไป (pledged delegates) ซึ่งมีพันธะจะต้องไปโหวตให้ ทรัมป์ ในรอบแรก ก็อาจจะเลือกหนุนผู้สมัครคนอื่นได้ในรอบถัดไป

ทรัมป์ ขู่จะเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 11 ล้านคนออกจากสหรัฐฯ ใช้นโยบายการค้าแบบกีดกัน สร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก และห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าอเมริกาชั่วคราว ซึ่งทั้งหมดนี้คือ แนวคิดสุดโต่งที่ผู้มีอำนาจในพรรครีพับลิกันรับไม่ได้ และพยายามทุกวิถีทางที่จะสกัดเขาไม่ให้ได้เป็นผู้แทนพรรค

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่ปรึกษาแคมเปญของ ทรัมป์ ได้ยืนยันต่อบรรดาแกนนำรีพับลิกัน ว่า มหาเศรษฐีปากร้ายพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนบุคลิก และภาพลักษณ์ของตนเสียใหม่เพื่อให้สมกับการเป็นผู้สมัครประธานาธิบดี แต่ล่าสุด ทรัมป์ ได้ออกมาประกาศว่า เขาจะไม่เปลี่ยนแปลงตนเองอย่างแน่นอน

“ถ้าคุณเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลซึ่งกวาดชัยชนะมาอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะลงชิงแชมป์ซูเปอร์โบว์ล คุณคงไม่ตัดสินใจเปลี่ยนกองหลังขึ้นมาเฉยๆ หรอก... เพราะฉะนั้น ผมไม่เปลี่ยนตัวเองแน่นอน”

ทรัมป์ ยืนยันว่า ถ้าเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็จะยึดนโยบาย “อเมริกา เฟิร์สต์” ไม่ยอมให้พันธมิตรเอาเปรียบอีกต่อไป โดยหุ้นส่วนทั้งในยุโรป และเอเชียจะต้องแบกรับภาระทางการเงินมากขึ้นเพื่อคงทหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ เอาไว้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกทิ้งให้ปกป้องตัวเอง
ส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์ส จากรัฐเวอร์มอนต์, จอห์น เคซิก ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ และ ส.ว.เท็ด ครูซ จากรัฐเทกซัส

กำลังโหลดความคิดเห็น