บลูกเบิร์ก - นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเต็งตัวแทนรีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาประกาศกร้าวตามหลังเหตุก่อการร้ายโจมตีกรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียมในวันอังคาร (22 มี.ค.) ระบุเขาจะทำมากกว่าวิธีทรมานนักโทษแบบกรอกน้ำให้สำลัก (waterboarding) และย้ำว่า อเมริกาควรปิดพรมแดนจนกว่าจะได้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ผมไม่มีปัญหากับวิธีทรมานนักโทษแบบกรอกน้ำให้สำลัก แต่หากพวกเขาขยายขอบเขตกฎหมาย ผมจะทำหนักหน่วงกว่ากรอกน้ำให้สำลักอย่างมาก” นายทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีในตอนเช้าวันอังคาร (22 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมระบุว่า เจ้าหน้าที่ควรสามารถทำอะไรก็ได้ตามความจำเป็น
เมื่อถูกถามว่า คำพูดของบุคคลที่ถูกทรมานมีประโยชน์มากกว่าข้อมูลที่ผิดพลาดใช่หรือไม่ เขาตอบว่าเขาก็คิดเช่นนั้น “คุณจำเป็นต้องได้ข้อมูล และคุณจำเป็นต้องทำเพื่อให้ได้มันมาอย่างรวดเร็ว” นายทรัมป์กล่าว
ในวันศุกร์ (18 มี.ค.) เจ้าหน้าที่เบลเยียมเพิ่งจับกุมตัว นายซาลาห์ อัลเดสลาม ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในเหตุโจมตีก่อการร้ายปารีสเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน “เรามิอาจผ่อนปรนและอ่อนแอ” ทรัมป์ กล่าว บ่งชี้ว่า สหรัฐฯและยุโรปควรปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคนิคในการสอบปากคำ แต่ก็บอกว่ากฎหมายที่โอบอ้อมอารีเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนก่อการร้าย
นายทรัมป์ ยังย้ำเสียงเรียกร้องของเขาก่อนหน้านี้ในการปิดรับผู้อพยพในสหรัฐฯ ในนั้นเกือบทั้งหมดเป็นผู้อพยกมุสลิม และผู้ลี้ภัยจากซีเรีย และบอกว่า การที่ชาวมุสลิมไม่สามารถปรับตัวเข้ากับยุโรปได้ เป็นตัวส่งเสริมเหตุโจมตี “การผสมกลมกลืนเป็นเรื่องยาก ยากมากอย่างยิ่งและในบางกรณีมันเป็นไปไม่ได้เลย”
มหาเศรษฐีรายนี้บอกว่า บรัสเซลส์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของทั้งเบลเยียม และสหภาพยุโรป มีค่ายติดอาวุธ พร้อมระบุเขาจะไม่สานสัมพันธ์ระหว่างประชาคมมุสลิม กับสหรัฐฯ แต่บอกว่ามุสลิมต้องรับผิดชอบที่นำความกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวก่อการร้ายมายังเจ้าหน้าที่
“พวกเขาไม่ไว้ใจคนอื่น ๆ ยกเว้นแต่ชาวมุสลิมด้วยกัน” เขากล่าว “ด้วยเหตุใดก็ตามชุมชนของพวกเขาไม่เชื่อในรายงานข่าว หากคุณไปยังบรัสเซลส์เมื่อ 20 ปีก่อน มันเคยเป็นเมืองมหัศจรรย์”