xs
xsm
sm
md
lg

อดีตข้าหลวงผู้ดีแฉ “สหรัฐฯ-อังกฤษ” รู้ที่ซ่อนนร.หญิงไนจีเรียเหยื่อโบโกฮารัม 2 เดือนหลังถูกจับ แต่ไม่ยอมส่งคนไปช่วย !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ – ดร. แอนดรูว์ โพค็อก (Dr Andrew Pocock) อดีตข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำไนจีเรียเผยหน่วยข่าวกรองอังกฤษ-สหรัฐฯรู้ว่ากลุ่มนักเรียนหญิงไนจีเรียจำนวนอย่างน้อย 80 คนถูกกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัมขังไว้ทีใด 2 เดือนหลังเกิดเหตุลักพาตัว แต่ไม่ส่งคนไปช่วย อ้าง “เป็นภารกิจที่เสี่ยงต่อชีวิต”

เดลิเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(20)ว่า รัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลสหรัฐฯรู้ว่านักเรียนหญิงชาวไนจีเรียจำนวนไม่ต่ำกว่า 80 คนถูกกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัมซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ทว่าประเทศเหล่านี้ไม่ยอมออกคำสั่งให้มีภารกิจช่วยเหยื่อเหล่านี้ออกมา

โดยดร. แอนดรูว์ โพค็อก (Dr. Andrew Pocock) อดีตข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำไนจีเรียได้เปิดเผยความลับนี้ออกมา ซึ่งระบุเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอังกฤษและอเมริกันพบร่องรอยกลุ่มนักเรียนหญิงไนจีเรียเหล่านี้ไม่นานหลังจากที่ได้ถูกลักพาตัวไปจากโรงเรียนที่พัก แต่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นต่างเห็นตรงกันว่า เสี่ยงเกินไปที่จะส่งกำลังออกไปช่วยกลับมา

ซึ่งโพค็อกยืนยันว่า รัฐบาลของประเทศทั้งสองต่างคิดว่า ไม่มีความสามารถที่จะทำให้ปฎิบัติการสำเร็จได้เพราะกลุ่มก่อการร้ายมีเป้าหมายที่จะใช้ตัวประกันนักเรียนหญิงเหล่านั้นเป็นเสมือนโล่มนุษย์

โดยอดีตข้าหลวงอังกฤษชี้ว่า 2 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุลักพาตัว หน่วยลาดตระเวนทางอากาศสังเกตเห็นเด็กนักเรียนเหล่านี้จำนวนมากถึง 80 คนในบริเวณป่าแซมบิซา (Sambisa forest)ใกล้ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า “ต้นไม้แห่งชีวิต” พร้อมกับพาหนะเคลื่อนที่ไปมา และค่ายที่ตั้งขนาดใหญ่

และโพค็อกยังชี้ต่อว่า กลุ่มนักเรียนหญิงไนจีเรียได้อยู่ภายใต้การควบคุมของโบโกฮารัมได้ราว 3-4 สัปดาห์แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ตะวันตกไม่มีความมั่นใจที่จะเข้าช่วยเหลือ และรัฐบาลไนจีเรียไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ

โดยอดีตข้าหลวงอังกฤษกล่าวอธิบายว่า หากส่งกำลังไปช่วยทางบก ซึ่งสามารถเห็นได้จากระยะไกลหลายไมล์ ตัวประกันนักเรียนหญิงเหล่านี้จะถูกฆ่าทิ้งทันที และหากเป็นช่องทางการช่วยเหลือทางอากาศ เป็นต้นว่า เฮลิคอปเตอร์เฮอคิวลิส ซึ่งอาจต้องใช้เป็นจำนวนมาก และต้องมีความเสี่ยงภัยสูงต่อผู้ปฎิบัติการ และต่อตัวประกันนักเรียนหญิงเหล่านั้น

โดยโพค็อกย้ำว่า “อาจจะประสบความสำเร็จช่วยเหลือได้จำนวนหนึ่ง แต่ตัวประกันส่วนใหญ่จะต้องเสียชีวิตไปด้วย” และยังเสริมว่า “ความวิตกของผมต่อกลุ่มนักเรียนหญิงที่ไม่ได้อยู่ที่นั้น ซึ่งมีแค่ 80 คนที่ถูกขัง แต่จำนวนที่ถูกลักพาตัวไปมีร่วม 250 ชีวิต ดังนั้นจึงมีอีกจำนวนหลายร้อยคนที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอเหล่านั้น ซึ่งทำให้รู้แย่หากไม่คิดลงมือจะทำอะไรไป และรู้สึกเลวร้ายหากได้ตัดสินใจที่จะต้องทำ”

และในการให้สัมภาษณ์ของอีดตข้าหลวงอังกฤษต่อนิตยสารซันเดย์ไทม์สผ่านการสัมภาษณ์ของคริสตินา แลมบ์(Christina Lamb) ยืนยันว่า โลกตะวันตกได้มอบข้อมูลการพบที่ซ่อนตัวประกันนักเรียนหญิงให้กับรัฐบาลไนจีเรีย ซึ่งมีอดีตประธานาธิบดีกู๊ดลัก โจนาธานเป็นผู้ปกครองประเทศอยู่ในเวลานั้น แต่ทางโลกตะวันตกไม่ได้รับสัญญาณตอบกลับมาในการร้องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

ทั้งนี้สื่อซันเดย์ไทม์ส ได้เห็นภาพกลุ่มตัวประกันที่เป็นเด็กนักเรียนหญิงถูกโบโกฮารัมใช้เป็น “ทาสระบายอารมณ์” และมีวิดีโอคลิปบันทึกตัวประกันถูกล่วงละเมิดอย่างโหดร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

และเดลิเมลรายงานต่อว่า สำหรับเหยื่อที่หนีออกมาได้ เผยกับซันเดย์ไทม์สว่า พวกเธอเหล่านั้นถูกขังในค่ายกักกันผู้หญิง และมีการสอนหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งสมาชิกโบโกฮารัมต่างมาที่ค่ายแห่งนี้เพื่อเลือกเหยื่อไปร่วมหลับนอน

โดยเหยื่อตัวประกันนักเรียนหญิงไนจีเรียรู้สึกหมดหวังที่จะสู้เนื่องจากกลุ่มก่อการร้ายมีอาวุธจำนวนมาก และทางกลุ่มได้ข่มขู่คนเหล่านี้ด้วยวิดีโอคลิบการถูกข่มขืนอย่างป่าเถือนที่ใช้เป็นการลงโทษสำหรับผู้ที่หลบหนี ซึ่งรวมไปถึงการทรมาน และการสังหาร

ด้าน ดร. สตีเฟน เดวิส ( Dr. Stephen Davis) ที่เคยทำงานให้กับโบสถ์คอนเวนตี คาธีดรอล ( Coventy Cathedral) ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เจ้าหน้าที่ไนจีเรีย แลพเจ้าหน้าที่ตะวันตกไม่ทราบว่าเด็กนักเรียนหญิงไนจีเรียเหล่านี้ถูกจับอยู่ที่ไหน โดยสื่ออังกฤษรายงานว่า เดวิสมีประสบการณ์มายาวนานในการอยู่เบื้องหลังการเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารัม และเดวิสยังให้ความเห็นถึงกลุ่มก่อการร้ายในทวีปแอฟริกานี้ว่า โบโกฮารัมทำให้กลุ่มก่อการร้าย IS เหมือนเป็นเรื่องขบขัน

โดยเดวิสยืนยันว่า ที่ตั้งค่ายคุมขังนักเรียนหญิงไนจีเรียเหล่านี้เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวาง และยังสามารถเห็นได้จากกูเกิลแม็บอีกด้วย ซึ่งสตีเฟน เดวิสได้ตั้งคำถามว่า “จะต้องให้เด็กผู้หญิงแอฟริกันอีกกี่คนถูกจับตัว และข่มขืน ก่อนที่ชาติตะวันตกทั้งหลายจะตื่นและยอมให้การช่วยเหลือ”

กำลังโหลดความคิดเห็น