xs
xsm
sm
md
lg

‘การถอนทหารออกจากซีเรีย’ถูกมองกันใน ‘รัสเซีย’ ว่าคือ ‘ชัยชนะ’

เผยแพร่:   โดย: เซียร์เกย์ บลากอฟ

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Exit from Syria seen as triumph in Russia
By Sergei Blagov
16/03/2016

ทั้งเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนรัสเซีย ต่างแสดงความสนับสนุนการที่มอสโกสั่งถอนทหารออกมาจากการสู้รบในซีเรีย โดยมองว่าเนื่องจากรัสเซีย “บรรลุภารกิจ” ที่นั่นแล้ว ขณะเดียวกัน ผู้นำต่างๆ ในต่างแดนก็ระบุว่านี่คือความเคลื่อนไหวไปในทางบวก

มอสโก เมื่อพูดถึงการที่วังเครมลินเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันเพื่อถอยออกมาจากการสู้รบขัดแย้งในซีเรียแล้ว มีข้อน่าสังเกตว่าไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปปฏิบัติการทางทหารที่นั่นหรือการถอนตัวออกในเวลาต่อมาก็ตามที ล้วนแต่ถูกเสนอต่อท่านผู้ชมภายในรัสเซีย ในฐานะที่เป็นสัมฤทธิผลครั้งสำคัญทางด้านนโยบายการต่างประเทศของแดนหมีขาว

ทั้งพวกเจ้าหน้าที่รัสเซียและสื่อมวลชนแดนหมีขาว ต่างกล่าวถึงพัฒนาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นคราวนี้ ในฐานะที่เป็น “การบรรลุภารกิจ” สืบเนื่องจากการที่ประเทศเข้าไปยุ่งเกี่ยวพัวพันทางทหารในซีเรียนี้ กินเวลาค่อนข้างสั้นและไม่มีความเจ็บปวดอะไรมากมาย การถอนตัวอย่างฉับพลันจากซีเรียดูเหมือนเปิดทางให้มอสโกสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะต้องเผชิญกันในระยะยาว ถ้าหากประชาชนเกิดความรู้สึกเป็นปรปักษ์ขึ้นมา โดยที่ความรู้สึกเป็นปรปักษ์นี้ย่อมจะต้องเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ ตามตัวเลขการบาดเจ็บล้มตายของทหารรัสเซีย

สำนักข่าวสปุ๊กนิก อินเตอร์เนชั่นแนล (Sputnik International) ซึ่งรัฐบาลรัสเซียหนุนหลังอยู่ พูดถึงการตัดสินใจถอยคราวนี้ว่า เป็น “ชัยชนะทางยุทธศาสตร์สำหรับรัสเซีย” และเป็น “ความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมที่กระทำในจังหวะเวลาอันถูกต้องเหมาะเจาะ” ส่วน “ซเวซดา” (Zvezda) ช่องทีวีของทหารรัสเซียบรรยายถึงการปฏิบัติการทางทหารในซีเรียว่าเป็น “168 วันที่เปลี่ยนแปลงโลก”

รัสเซียนั้นเริ่มต้นถอนอาวุธยุทโธปกรณ์ออกจากซีเรียในวันที่ 15 มีนาคม หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งในเรื่องนี้เมื่อคืนวันจันทร์ (14 มี.ค.) โดยที่ปูตินอ้างเหตุผลที่เขาตัดสินใจเช่นนี้ว่า เนื่องจากกองทหารของเขาสามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่กำหนดเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว วังเครมลินยืนยันว่ากองทัพซีเรียนั้นสามารถพลิกฟื้นตัวเองได้ถึงขั้นรากฐานแล้วในการสู้รบทำศึกกับผู้ก่อการร้าย ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพรัสเซีย

ในวันที่ 15 มีนาคม ทีวีช่องต่างๆ ที่ดำเนินการโดยทางการรัสเซีย พากันเสนอข่าวกองทหารลำเลียงเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ขึ้นเครื่องบินขนส่งที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม (Hemeimeem) ในซีเรีย เพื่อเดินทางกลับมายังรัสเซีย สถานีโทรทัศน์เหล่านี้ยังเสนอภาพเครื่องบินรบของรัสเซียกำลังทยอยบินขึ้นจากฐานทัพแห่งนั้นลำแล้วลำเล่า

อย่างไรก็ดี คาดหมายกันว่าการถอนตัวออกมาของรัสเซียจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งจึงจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ พล.อ.ลีโอนิด อิวาซอฟ (General Leonid Ivashov) นายทหารอาวุโสของรัสเซียที่เกษียณอายุแล้ว กล่าวให้ความเห็นว่าการถอนตัวออกจากซีเรียนี้จะต้องทยอยแบ่งทำกันเป็นหลายระยะ และอาจต้องใช้เวลาถึง 1 ปีทีเดียวจึงจะเสร็จเรียบร้อย

ขณะที่ วิกตอร์ โอเซรอฟ (Viktor Ozerov) ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันประเทศและความมั่นคงของสภาสูงแห่งรัฐสภารัสเซีย ชี้ว่ายังคงมีบุคลากรชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งซึ่งอาจจะสูงถึง 1,000 คน ถูกวางตัวให้ยังคงประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม และฐานทัพเรือตาร์ตุส (Tartus) ในซีเรีย ส่วนพวกเจ้าหน้าที่ทหารรัสเซียก็ระบุว่า เครื่องบินรบที่ยังเหลืออยู่จะยังคงทำการโจมตีทางอากาศต่อไปจนกระทั่งการถอนทหารเสร็จสิ้นสมบูรณ์

ความเคลื่อนไหวอย่างสุดเซอร์ไพรซ์ของรัสเซียในการเริ่มต้นถอนตัวออกจากซีเรียในคราวนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่การเจรจาสันติภาพซึ่งมีสหประชาชาติเป็นคนกลางได้เปิดขึ้นมาอีกครั้งในนครเจนีวา ทั้งนี้เป็นที่เข้าใจกันว่าการตัดสินของมอสโกในเรื่องถอนกำลังทางอากาศออกจากซีเรียนี้ เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบในทางบวกต่อการเจรจาในเจนีวา

คอนสแตนติน โคซาชิออฟ (Konstantin Kosachyov) ประธานคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของสภาสูงแห่งรัฐสภารัสเซีย ให้ความเห็นว่า การปฏิบัติการทางทหารในซีเรียนั้นได้พิสูจน์ให้เห็นกันแล้วว่าประสบความสำเร็จ เพราะมันได้ช่วยแผ้วถางทางให้แก่การหยุดยิงและการเจรจาสันติภาพในเจนีวา

ทั้งนี้ก่อนหน้าการเจรจาที่เจนีวาจะเริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้งในคราวนี้ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ รัสเซียกับสหรัฐฯได้ทำความตกลงกันให้มีการหยุดยิงในซีเรียตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี เพียง 3 สัปดาห์หลังมีข้อตกลงหยุดยิง การประกาศถอนตัวออกมาอย่างฉับพลันของรัสเซียก็ทำให้แทบทุกคนไม่ทันระวังตั้งใจ

สื่อมวลชนรัสเซียเน้นย้ำกระแสตอบรับในทางบวกจากทุกๆ ฝ่ายของแวดวงการเมืองทั่วโลก สำนักข่าวทาสส์ (Tass) ของทางการรัสเซีย ออกบทวิจารณ์กล่าวว่าระหว่างการพูดคุยกันทางโทรศัพท์กับปูติน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา “ได้ยกย่องชมเชยการตัดสินใจของรัสเซียในการถอนทหารออกจากซีเรีย”

ทางด้านสำนักข่าวสปุ๊กนิก อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลรัสเซีย เมื่อวันอังคาร (15 มี.ค.) ได้รายงานข่าวโดยอ้างคำแถลงของ ลู่ คัง (Lu Kang) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ซึ่งได้พูดถึงการตัดสินใจของรัสเซียในการถอนทหารออกจากซีเรียว่า “เป็นจังหวะก้าวที่ให้ผลบวกต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในประเทศดังกล่าว”

พวกสื่อมวลชนรัสเซียชี้ว่า ทั้งอียู และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ก็มองการที่รัสเซียเริ่มถอนทหารออกจากซีเรีย เป็นความเคลื่อนไหวในทางบวกเช่นกัน สำหรับรัฐมนตรีต่างประเทศ จาวัด ซาริฟ (Javad Zarif) ของอิหร่าน มีรายงานข่าวว่าได้เรียกการตัดสินใจในคราวนี้ของรัสเซียว่าเป็นสัญญาณในทางบวก

เมื่อวันที่ 30 กันยายนปีที่แล้ว การที่รัสเซียเปิดการโจมตีทางอากาศในซีเรีย ถูกมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของมอสโกในการท้าทายนโยบายต่างๆ ของฝ่ายตะวันตกในภูมิภาคตะวันออกกลาง ขณะที่การนำเสนอเหตุผลในกรุงมอสโกนั้น ได้เน้นย้ำว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวแบบมุ่งลงมือโจมตีก่อน ทั้งนี้หากนับต่อเนื่องจากยุคอดีตสหภาพโซเวียตแล้ว การเปิดฉากโจมตีทางอากาศในซีเรียคราวนี้ ถือเป็นการเข้าเกี่ยวข้องพัวพันทางการทหารนอกประเทศครั้งแรกของรัสเซีย นับตั้งแต่สงครามในอัฟกานิสถานในยุคสหภาพโซเวียตสิ้นสุดลง

ประธานาธิบดีปูตินพูดในปีที่แล้วว่า การลงมือเปิดการรุกโจมตีก่อนต่อ “พวกผู้ก่อการร้าย” ในซีเรียนั้นเป็นเรื่องจำเป็น พร้อมกล่าวเตือนว่า หากพวกผู้ก่อการร้ายประสบความสำเร็จในซีเรียแล้ว หลังจากนี้พวกเขาก็จะมาที่รัสเซีย แต่ปูตินก็ยืนยันด้วยว่าการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในซีเรียจะยังคงมีการจำกัดขอบเขต และปรากฏว่าเขาได้กระทำตามคำมั่นสัญญาในเรื่องนี้

ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียและสื่อมวลชนรัสเซีย เรียกการที่ประเทศชาติเข้าเกี่ยวข้องพัวพันในซีเรีย ว่าเป็น “ชัยชนะในทางยุทธศาสตร์” นั้น พวกเขาก็มีความโน้มเอียงที่จะละเลยไม่เอ่ยถึงผลข้างเคียงในทางไม่พึงปรารถนาบางประการซึ่งบังเกิดขึ้นมาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตในความสัมพันธ์ที่มีอยู่กับตุรกี

จากผลสำรวจความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการของหลายเจ้าหลายสำนัก บ่งบอกให้ทราบว่ามีชาวรัสเซียราวสองในสามที่มองการปฏิบัติภารกิจในซีเรียว่าเป็นชัยชนะ ทว่าส่วนที่เหลือซึ่งยังคงต้องถือว่าเป็นกลุ่มก้อนประชากรจำนวนสำคัญทีเดียว กลับคิดเห็นเป็นอย่างอื่น ยังจะต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าใครคือฝ่ายถูก และภารกิจของรัสเซียในซีเรียนั้นบรรลุผลประสบความสำเร็จแล้วจริงหรือไม่

เซียร์เกย์ บลากอฟ เป็นนักหนังสือพิมพ์และนักวิจัยอิสระซึ่งตั้งฐานอยู่ที่กรุงมอสโก ในอดีตเป็นเวลายาวนาน 3 ทศวรรษทีเดียว เขาเคยทำข่าวเกี่ยวกับกิจการของเอเชียจากกรุงมอสโก, รัสเซีย ตลอดจนจากกรุงฮานอย, เวียดนาม และกรุงเวียงจันทน์, ลาว เขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับเวียดนามเอาไว้หลายเล่ม และเป็นผู้มีส่วนในการจัดทำหนังสือคู่มือสำหรับผู้สื่อข่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น