เอเจนซีส์ - อเมริกาและสองพันธมิตรสำคัญในเอเชียอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ตกลงร่วมกันผลักดันมาตรการตอบโต้ของนานาชาติที่ทั้งครอบคลุมกว้างขวางและหนักแน่นจริงจัง สำหรับการที่เกาหลีเหนือท้าทายทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด โดยมีข่าววงในระบุว่า โซลกำลังหารือเพื่อให้วอชิงตันส่งระบบอาวุธยุทธศาสตร์ไปติดตั้งบนคาบสมุทรเกาหลี ขณะเดียวกัน ทางด้านคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติได้แถลงประณามการยั่วยุของเปียงยางอย่างรุนแรง และตกลงร่างมาตรการลงโทษคว่ำบาตรเพิ่มเติม
ช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเยของเกาหลีใต้ หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ ซึ่งทั้งคู่ยืนยันว่า การทดสอบเมื่อวันพุธ (6) ที่เกาหลีเหนืออ้างว่าเป็นระเบิดไฮโดรเจนนั้น สมควรได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงและครอบคลุมที่สุด รวมทั้งตกลงว่า จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อผลักดันให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ผ่านมติเพิ่มมาตรการลงโทษสถานหนักต่อเปียงยาง
นอกจากนั้น ยังมีการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งของเกาหลีใต้ว่า โซลกำลังหารือกับวอชิงตันเพื่อให้อเมริกานำระบบอาวุธยุทธศาสตร์ไปติดตั้งบนคาบสมุทรเกาหลี แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับระบบอาวุธดังกล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลโสมขาวยังประกาศโดยลำพังฝ่ายเดียวว่า จะกลับมากระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อด้วยลำโพงลั่นทุ่งเข้าไปในเขตพื้นที่ของโสมแดงอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ยุทธวิธีนี้ซึ่งเกาหลีใต้นำมาใช้ระหว่างเกิดวิกฤตสองเกาหลีขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ได้ทำให้เปียงยางตอบโต้ในทันทีด้วยการข่มขู่จะเข้าโจมตีทางทหาร
ทางด้านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นก็ได้หารือทางโทรศัพท์กับโอบามาในเวลาไล่เลี่ยกัน และตกลงกันว่า ญี่ปุ่นและอเมริกาจะร่วมกันผลักดันความพยายามในการลงโทษเกาหลีเหนือขั้นเด็ดขาด
อาเบะ กับ พัค ยังได้พูดจาหารือกันทางโทรศัพท์ด้วย และให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น
การประณามและขู่ใช้มาตรการลงโทษนั้นเป็นวงจรที่เกาหลีเหนือคุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากพบเจอมาแล้วถึงสามครั้งหลังจากทำการทดสอบนิวเคลียร์ในปี 2006, 2009 และ 2013 แต่ก็ดูยังไม่สามารถหยุดยั้งให้โสมแดงยุติการท้าทายเช่นนี้ได้
วันพุธที่ผ่านมา เปียงยางประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนหรือเอชบอมบ์ ที่ดำเนินการตามการสั่งการของผู้นำสูงสุด คิม จองอึน โดยตรง และทำให้เกาหลีเหนือก้าวขึ้นเป็นประเทศนิวเคลียร์ขั้นสูงเทียบเท่ารัสเซีย ฝรั่งเศส และอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังเคลือบแคลงในคำอวดอ้างของเกาหลีเหนือ เนื่องจากการทดสอบเมื่อวันพุธถูกประเมินว่า มีอานุภาพทำลายล้างเพียง 6-9 กิโลตัน ซึ่งถือว่าห่างไกลมากจากอานุภาพของเอชบอมบ์
จอช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพุธว่า ผลการประเมินขั้นต้นที่ออกมานั้น ขัดแย้งกับการกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือที่ว่า ประสบความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน และว่าไม่มีสิ่งซึ่งเกิดขึ้นในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาใดๆ เลยที่ทำให้อเมริกาเปลี่ยนแปลงการประเมินศักยภาพทางเทคนิคและการทหารของเกาหลีเหนือ
เช่นเดียวกัน ญี่ปุ่นเผยว่า เครื่องบิน 3 ลำที่ส่งไปเก็บหลักฐานการทดสอบของเกาหลีเหนือ ไม่พบร่องรอยวัสดุกัมมันตรังสีแต่อย่างใด
ส่วนที่ยูเอ็น ซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตอเมริกัน เรียกร้องให้ใช้มาตรการลงโทษใหม่ที่แข็งกร้าว ครอบคลุม และน่าเชื่อถือ เพื่อให้เปียงยางเข้าใจแจ่มแจ้งว่าถึงผลของการกระทำดังกล่าว
ด้าน โมโตฮิเดะ โยชิกาวะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่น สำทับว่า จะผลักดันมาตรการลงโทษภายใต้หมวดที่ 7 ของกฎบัตรยูเอ็น ซึ่งหมายถึงมาตรการลงโทษที่ต้องมีการบังคับใช้
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนว่า มาตรการลงโทษเกาหลีเหนือจะออกมาในลักษณะใดหรือเมื่อใด ที่สำคัญ ยังต้องรอดูท่าทีของจีน ชาติสมาชิกถาวรในคณะมนตรีฯที่มีสิทธิ์ยับยั้ง ว่าจะสนับสนุนการลงโทษเปียงยาง ผู้เป็นพันธมิตรและเพื่อนบ้านหัวดื้อของตนหรือไม่
ขณะเดียวกัน ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างเป็นทางการจากเปียงยางต่อคำขู่ลงโทษของยูเอ็น ทว่า สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือแสดงความคิดเห็นเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ยิ่งศัตรูกระตือรือร้นผลักดันการโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือมากเท่าใด ศัตรูเหล่านั้นจะยิ่งต้องเผชิญการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์รุนแรงขึ้น