เอเอฟพี - ผู้นำเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น ประกาศยินดีกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อความมั่นคงและการค้าของภูมิภาค หลังยอมละวางความบาดหมางฝังลึกในอดีตในการประชุมสุดยอดครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี อย่างไรก็ดี สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องการหารือตัวต่อตัวครั้งแรกระหว่างประมุขโซลและโตเกียวที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ (2 พ.ย.)
ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ ร่วมหารือกับหลี่ เคอะเฉียง และชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีจีนและญี่ปุ่นตามลำดับ ในหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่การค้าเสรีจนถึงภัยคุกคามจากโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ระหว่างการประชุมนาน 90 นาทีที่กรุงโซลเมื่อวันอาทิตย์ (1)
แม้ไม่มีพัฒนาการสำคัญ เนื่องจากการประชุมครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นเพียงการแถลงเจตจำนงเชิงสัญลักษณ์ของ 3 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ในการเยียวยาความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน แต่ผู้นำทั้งสามตกลงฟื้นการจัดประชุมสุดยอดเป็นประจำทุกปี โดยครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ญี่ปุ่นในปีหน้า
สามชาติสำคัญนี้เริ่มจัดซัมมิตประจำปีเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ทว่า ความสัมพันธ์ที่ปีนเกลียวระหว่างญี่ปุ่นกับเพื่อนบ้านทั้งสองชาติเกี่ยวกับเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้การประชุมนี้ถูกพักยาวมาตั้งแต่ปี 2012
การหารือในวันอาทิตย์มุ่งเน้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนที่พยายามกระชับสัมพันธภาพทางการค้าเพื่อฟื้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังชะลอตัว
แถลงการณ์ร่วมครอบคลุมพันธะสัญญาในการบรรลุข้อตกลงการค้าสามฝ่ายซึ่งจะช่วยคานอิทธิพลข้อตกลงการค้าเอเชีย-แปซิฟิกที่มีอเมริกาเป็นแกนนำ แต่จีนและเกาหลีใต้ไม่ได้เข้าร่วมด้วย
ประเด็นสำคัญที่มีการหารือยังรวมถึงโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่คุกคามทั้งสามชาติ ซึ่งรวมถึงจีน ผู้ปกป้องหลักทางการทูตและผู้อุปถัมภ์ทางเศรษฐกิจของเปียงยาง
ผู้นำสามประเทศย้ำ “การคัดค้านอย่างขันแข็ง” ต่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ตลอดจนถึงการดำเนินการที่อาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นหรือละเมิดมติของสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
เมื่อไม่นานมานี้ เปียงยางได้ทดสอบส่งจรวดขึ้นสู่อวกาศ ซึ่งอาจละเมิดมาตรการลงโทษของยูเอ็น เนื่องจากเชื่อว่ามีการใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธ
พัคกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า ซัมมิตครั้งนี้มีความคืบหน้าสำคัญอันจะนำไปสู่การปกป้องสันติภาพและความมั่งคั่งของเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ที่ทั้งสามประเทศจะต้องยืนหยัดปกป้องเป้าหมายในการทำให้เกาหลีเหนือปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์
การประชุมสุดยอดครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับที่แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เยือนเขตปลอดทหาร (ดีเอ็มแซด) ที่แบ่งคาบสมุทรเกาหลีออกเป็นสองส่วน และคาร์เตอร์เรียกร้องให้เปียงยางหลีกเลี่ยงการยั่วยุในอนาคต
อนึ่ง เมื่อวันเสาร์ พัคได้หารือตัวต่อตัวกับหลี่ แต่จุดสนใจของซัมมิตครั้งนี้อยู่ที่การพบกันครั้งแรกระหว่างผู้นำโซลกับโตเกียวในวันจันทร์ ซึ่งจะถือเป็นก้าวย่างสำคัญหลังจากสองประเทศเย็นชากันมานาน สร้างความกังวลต่อวอชิงตันที่ต้องการให้พันธมิตรหลักในเอเชียทั้งคู่ปรับความเข้าใจเพื่อร่วมกันจำกัดการขยายอิทธิพลของจีน
โซลและโตเกียว ที่จัดประชุมสุดยอดครั้งล่าสุดในปี 2011 บาดหมางกันมานานจากข้อพิพาทในอดีตเมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองคาบสมุทรเกาหลีระหว่างปี 1910-1945 โดยเฉพาะประเด็นที่หญิงสาวเกาหลีถูกบังคับให้ทำงานในซ่องทหารของญี่ปุ่นในช่วงสงคราม
พัคที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นปี 2013 ปฏิเสธมาตลอดที่จะพบกับอาเบะ ซึ่งยืนกรานว่า ญี่ปุ่นชดเชยการกระทำในอดีตแล้วผ่านข้อตกลงปรับความสัมพันธ์สู่ระดับปกติในปี 1965 ที่โตเกียวให้เงินช่วยเหลือหรือเงินกู้แก่โซลทั้งสิ้น 800 ล้านดอลลาร์
จีนที่มีความทรงจำขมขื่นกับการรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงสงครามเช่นเดียวกัน มีข้อพิพาทกับโตเกียวเรื่องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกด้วย
อาเบะแสดงความหวังหลังจบการประชุมว่า ซัมมิตครั้งนี้จะนำมาซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่แถลงการณ์ปิดประชุมเมื่อวันอาทิตย์ไม่พาดพิงถึงประเด็นอ่อนไหวส่วนใหญ่ แต่ย้ำความสำคัญในการ “เผชิญหน้า” กับอดีต
“เราตกลงว่า จะมองประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมาและเพื่อข้ามผ่านสู่อนาคต รวมทั้งการจัดการกับประเด็นอ่อนไหว ซึ่งรวมถึงเรื่องราวในอดีตอย่างเหมาะสม” ผู้นำจีนทิ้งท้าย