ตร.จ่อสอบ “มหาเธร์” พูดสับ รบ.ในม็อบ องค์การต้านทุจริตโลกสับ “นาจิบ” เละเทะ

เอเจนซีส์ - องค์การต่อต้านการทุจริตทั่วโลก เปิดประชุมที่มาเลเซียเมื่อวันพุธ (2 ก.ย.) ด้วยการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ชี้แจงข้อครหากรณีอื้อฉาวทางการเงิน แทนการไล่เช็กบิลผู้ที่ออกมาแฉตลอดจนฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ขณะที่ทางด้านตำรวจเสือเหลืองประกาศเตรียมเชิญ “มหาเธร์ โมฮาหมัด” ไปให้ข้อมูลกรณีเรียกร้องนาจิบลาออกและกล่าวหาว่าคอร์รัปชัน ระหว่างการชุมนุมใหญ่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้สันทัดกรณีชี้การกระทำเช่นนี้รังแต่ทำให้เสียงเรียกร้องกดดัน “นาจิบ” ดังกระหึ่มยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีนาจิบของมาเลเซีย เผชิญความกดดันอย่างหนักนับจากต้นเดือนกรกฎาคมที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนของทางการแดนเสือเหลืองเอง พบเงินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ถูกโอนอย่างลึกลับไปยังบัญชีส่วนตัวของนาจิบ

โฮเซ ยูกัซ ประธานองค์การเพื่อความโปร่งใสสากล (Transparency International หรือ TI) กล่าวระหว่างการเปิดประชุมในวันพุธ (2) ว่า มีเพียงสองคำถามที่จำเป็นต้องตอบ นั่นคือใครเป็นคนจ่ายเงินและจ่ายทำไม และเงินจำนวนนั้นอยู่ที่ไหน โดยมีเพียงคนเดียวที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้

ยูกัซที่เรียกเสียงปรบมือกึกก้องหลายครั้งฟันธงว่า มาเลเซียกำลังเผชิญ “วิกฤตการทุจริต” พร้อมทั้งวิจารณ์การขัดขวางการสอบสวน และการที่รัฐบาลมาเลเซียสั่งปิดหนังสือพิมพ์สองฉบับที่รายงานข่าวฉาวของนาจิบ

“รัฐบาลมาเลเซียไม่ได้ดำเนินการใดๆ เลยเพื่อต่อสู้กับการทุจริต” ยูกัซชำแหละซ้ำ

ปีนี้ องค์การเพื่อความโปรงใสสากล ยกเวทีประชุมการต่อต้านการทุจริตระหว่างประเทศไปจัดที่ปุตราจายา เมืองศูนย์ราชการของมาเลเซีย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเชิญหน่วยงานต่อต้านการติดสินบนจากทั่วโลกร่วมหารือเป็นเวลา 3 วัน

เดิมทีนั้น นาจิบมีกำหนดขึ้นปราศรัยในงานนี้ แต่มีการเปลี่ยนตัวเป็น พอล โลว์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยพอลชี้แจงในตอนเช้าวันพุธว่า สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนตัวเนื่องจากนาจิบไม่ต้องการเผชิญหน้ากับนักเคลื่อนไหวที่เป็นปฏิปักษ์ ทว่า จากการรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี ไม่ปรากฏแม้แต่เงาของนักเคลื่อนไหวในงานประชุมดังกล่าวเลย

ทั้งนี้ ก่อนที่เรื่องเงินลึกลับไหลเข้าบัญชีของนาจิบจะถูกเปิดโปง นายกรัฐมนตรีแดนเสือเหลืองถูกเรียกร้องมานานหลายเดือนให้อธิบายที่มาที่ไปของเงินก้อนใหญ่ที่เชื่อว่า หายไปจากข้อตกลงหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับรัฐวิสาหกิจที่เขาเป็นคนก่อตั้ง

นาจิบปฏิเสธรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล รวมทั้งปฏิเสธที่จะลาออกโดยอ้างว่า ตกเป็นเหยื่อการสมรู้ร่วมคิดทางการเมืองเพื่อโค่นอำนาจ แม้ในภายหลังคณะรัฐมนตรีของเขาได้ยอมรับว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีนาจิบจริง แต่เป็นเงินบริจาคทางการเมืองจากตะวันออกกลาง และขณะนี้ บัญชีดังกล่าวปิดไปแล้ว

รัฐบาลยังเติมเชื้อความไม่พอใจให้ประชาชนด้วยการดำเนินการที่ส่อไปในทางพยายามปกปิดเรื่องนี้ ซึ่งรวมถึงคำสั่งของนาจิบในการปลดอัยการสูงสุด ตลอดจนตำรวจที่บุกค้นเพื่อเก็บหลักฐานคดีอื้อฉาวของตน

ความไม่พอใจเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวของนาจิบปลุกให้ประชาชนนับแสนออกไปชุมนุมบนท้องถนนในกรุงกัวลาลัมเปอร์และอีกหลายเมืองในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในไฮไลต์ของการชุมนุมคือ การปรากฏตัวสุดเซอร์ไพรส์กลางม็อบของอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮาหมัด วัย 90 ปี และประกาศให้ประชาชนรวมพลังโค่นล้มนาจิบ

การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ตำรวจเตรียมเรียกตัวมหาเธร์ที่ยังเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในแวดวงการเมืองแดนเสือเหลืองไปให้ปากคำ โดยอัสมาวาตี อาหมัด โฆษกหญิงของสำนักงานตำรวจมาเลเซียระบุในวันพุธว่า คาลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจ จะเป็นผู้สอบปากคำมหาเธร์ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามหาเธร์จะถูกตั้งข้อหาหรือไม่

ทางด้าน ซูฟี ยูซอฟฟ์ ผู้ช่วยมหาเธร์เผยว่ายังไม่ได้รับการติดต่อจากตำรวจ และว่ามหาเธร์อยู่ระหว่างการเดินทางส่วนตัวไปจอร์แดน และคาดว่าจะยังไม่เดินทางกลับจนกว่าจะถึงวันที่ 9 นี้

ตัวมหาเธร์เองนั้นเขียนไว้ในบล็อกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการประท้วงบนถนน แต่ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากนาจิบปิดกั้นทุกวิธีการที่ถูกกฎหมายในการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี

มีรายงานว่า นอกจากมหาเธร์แล้วเจ้าหน้าที่มาเลเซียยังเรียกตัวแกนนำการประท้วงหลายคนให้ไปพบตำรวจ และแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดรัฐบาลคาดว่าจะมีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการประท้วงภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า

ขณะเดียวกัน วัน ไฟซัล วัน จัน ประธานบริหารของอินสติติวท์ ฟอร์ เดโมเครซี แอนด์ อิโคโนมิก แอฟแฟร์ ชี้ว่า การเรียกตัวมหาเธร์ไปชี้แจงกับตำรวจอาจทำให้เสียงเรียกร้องให้นาจิบลาออกดังกระหึ่มยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี เขาไม่คิดว่าจะมีการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการกับมหาเธร์แต่อย่างใด