เอพี/เอเอฟพี - การประท้วงของกลุ่มผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวนมหาศาลบริเวณด้านนอกของ Keleti สถานีรถไฟหลักในกรุงบูดาเปสต์ยังดำเนินต่อไป หลังจากในวันนี้ (1 ก.ย.) รัฐบาลฮังการีขยายเวลาปิดการให้บริการรถไฟที่จะเดินทางเข้าสู่สถานีรถไฟในกรุงบูดาเปส และปิดทางเข้าสถานีรถไฟหลักในกรุงบูดาเปสต์ พร้อมผลักดันคลื่นมนุษย์เข้าเมืองผิดกฎหมายออกจากตึกอาคาร และต้องทำการประท้วงอยู่ด้านนอก หลังจากไม่สามารถโดยสารรถไฟเพื่อเดินทางต่อไปยังออสเตรีย และเยอรมนีได้
เอพีรายงานวันนี้ (1) ว่า คลื่นผู้อพยพที่เดินทางมาจากซีเรีย อัฟกานิสถาน และซีเรีย ต่างร้องตะโกนประท้วง เรียกร้อง “เสรีภาพ เสรีภาพ เสรีภาพ” อยู่ด้านนอกตัวอาคารสถานีรถไฟบูดาเปสต์ Keleti ในวันอังคาร (1) หลังจากที่ถูกผลักดันออกนอกตัวอาคารสถานีรถไฟที่ถูกรัฐบาลฮังการีสั่งปิดทางเข้า พร้อมกับระงับการเดินรถไฟทุกขบวนที่จะมุ่งหน้ามายังกรุงบูดาเปสต์เพื่อต่อไปในยุโรปกลาง
เอพีชี้ว่า สถานีรถไฟแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดทรานซิตของผู้อพยพเหล่านี้ไปแล้ว ที่ต้องการเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังออสเตรีย และฮังการีต่อไป
โดยตำรวจได้เข้าทำหน้าที่หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าจะไม่มีรถไฟเดินทางออกไปจากสถานีแห่งนี้แต่อย่างใด และไม่มีกำหนดว่าจะกลับมาให้บริการได้อีกเมื่อไร ท่ามกลางผู้โดยสารหลายร้อยคนที่มีหนังสือเดินทางและตั๋วโดยสารอยู่ในมือในสภาพที่งงงวย และไม่ทราบว่าจะทำอย่างใด
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ได้เกิดมีการปะทะเกิดขึ้นในช่วงเช้าวันอังคาร (1) หลังผู้อพยพจำนวนหลายร้อยคนถูกผลักดันให้ออกมาภายนอกตัวอาคารสถานีรถไฟ ซึ่งสถานีรถไฟแห่งนี้มีรถไฟที่จะเดินทางต่อไปยังกรุงเวียนนา ออสเตรีย และเมืองมิวนิก เยอรมนี และมีบางส่วนของผู้อพยพกล่าวว่า พวกเขาได้ใช้เงินจำนวนหลายร้อยยูโรสำหรับตั๋วโดยสารหลังจากตำรวจท้องที่กล่าวว่า อนุญาตให้พวกเขาเดินทางต่อไปได้
เอพีรายงานว่า มาตรการสั่งปิดสถานีรถไฟ Keleti ในกรุงบูดาเปสต์เกิดขึ้น ท่ามกลางความกดดันจากชาติสมาชิกสหภาพยุโรปที่ต้องการให้แก้ไขปัญหาคลื่นผู้อพยพจำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าเข้าฮังการีอยู่ในขณะนี้
จากตัวเลขขององค์การอพยพสากล IOM พบว่า เฉพาะในปีนี้ยุโรปต้องผจญคลื่นมนุษย์ไหลเข้าไม่ต่ำกว่า 332,000 คน
“การอนุญาตให้คนพวกนี้โดยสารรถไฟจากกรุงบูดาเปสต์…และรอดูว่าคนเหล่านี้จะลงจากรถเพื่อเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ออสเตรีย นั้นไม่ใช่นโยบายการเมืองที่ดี” นายกรัฐมนตรีออสเตรีย เวอร์เนอร์ เฟย์มันน์ (Werner Faymann) กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อของรัฐบาลออสเตรีย ORF
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะรับรู้ถึงปัญหาคลื่นผู้อพยพไหลเข้าฮังการี แต่ทางเจ้าหน้าที่ออสเตรียต่างประสบปัญหารับมือจากคลื่นผู้อพยพจำนวนมากที่สามารถเล็ดลอดโดยสารรถไฟมาถึงกรุงเวียนนาได้สำเร็จในเย็นวันจันทร์ (31 ส.ค.) โดยทางตำรวจออสเตรียยอมรับว่า ไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากพอที่จะผลักดันคลื่นมนุษย์เหล่านี้กลับไปยังฮังการี
และเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ตำรวจออสเตรียได้สั่งให้ผู้อพยพจำนวนหลายร้อยคนที่เดินทางโดยสารมาจากฮังการีในรถไฟ 2 ขบวนให้ลงจากรถในระหว่างที่รถไฟทั้งสองขบวนนี้แล่นอยู่บริเวณเมือง Hegeshalom ในฝั่งออสเตรีย ใกล้เขตพรมแดนฮังการี-ออสเตรียในวันจันทร์ (31 ส.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ออสเตรียได้เข้าตรวจเอกสารของผู้อพยพทุกคน
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า หนึ่งในขบวนรถไฟที่ถูกหยุดนั้นมุ่งหน้าไปยังเมืองมิวนิก เยอรมนี บรรทุกผู้ลี้ภัยร่วม 300-400 คน โรมัน ฮาห์ชลินเกอร์ (Roman Hahslinger) โฆษกตำรวจออสเตรียให้สัมภาษณ์
“อาจจะเป็นว่าผู้ลี้ภัยส่วนอื่นๆ อาจถูกสกัดไว้ด้วย เพราะจากในเวลานี้ยังไม่ปรากฏว่ามีจำนวนผู้ลี้ภัยที่แน่นอนเท่าใดที่ได้มาถึงแล้ว” ฮาห์ชลินเกอร์กล่าว และเสริมว่า ในส่วนของออสเตรียได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ฮังการีและเยอรมนีในเรื่องการจัดการผู้อพยพผิดกฏหมายเหล่านี้
โฆษกฮังการียังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า “ผู้อพยพที่ได้ลงทะเบียนแล้วที่ฮังการีจะถูกส่งตัวกลับไปยังกรุงบูดาเปสต์ ในขณะที่ส่วนคนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนจะได้รับอนุญาตให้เดินทางต่อ”
หนึ่งในผู้อพยพชายชาวซีเรียวัย 34 ปี ได้ให้ความเห็นว่า “ผมต้องการเดินทางต่อไปยังเมืองฮัมบูร์ก เพราะน้องชายของผมได้ไปถึงที่นั่น 12 วันมาแล้ว” ชายผู้นี้ให้สัมภาษณ์ในขณะที่อยู่ที่สถานีรถไฟในกรุงเวียนนาพร้อมกับครอบครัวของเขา ซึ่งครอบครัวนี้ได้เดินทางออกมาจากฮังการีในวันจันทร์ (31 ส.ค.)
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ฮังการีได้ตำหนิการตัดสินใจของเยอรมนีในการสร้างที่พักชั่วคราวให้แก่ผู้อพยพ โดยกล่าวว่าเป็นเหมือนกับการสร้างความหวังให้คนเหล่านี้ยังมุ่งหน้าเดินทางมายังยุโรปต่อ
