เอเจนซีส์ - เอเธนส์ยืนยันวันอาทิตย์ (21 มิ.ย.) ยื่นข้อเสนอใหม่ให้เจ้าหนี้เพื่อปลดล็อกเงินกู้งวดสุดท้าย ก่อนการประชุมสุดยอดยูโรโซนในวันจันทร์ (22) แต่ยังยืนกรานต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด ถึงแม้กำลังถังแตกไม่มีเงินชำระหนี้ซึ่งถึงกำหนดสิ้นเดือนนี้ รวมทั้งทำท่าอาจต้องใช้มาตรการควบคุมเงินทุนภายในไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากประชาชนแห่ถอนเงินวันละหลายพันล้านยูโร
ถึงแม้รัฐบาลกรีซยืนกรานต่อต้านการใช้มาตรการลดบำนาญและการขึ้นภาษี อย่างที่กำลังถูกบีบคั้นจากทางเจ้าหนี้ต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แต่บรรดาผู้นำในรัฐบาลเอเธนส์ต่างสลับสับเปลี่ยนออกมายืนยันว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อรับเงินกู้งวดสุดท้าย 7,200 ล้านยูโรได้สำเร็จ
ตรงข้ามกับเหล่าผู้นำยุโรปที่เริ่มหมดความอดทนมากขึ้น หลังเจรจามานานหลายเดือนโดยไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากกรีซทั้งในเรื่องการตัดลดงบประมาณและการปฏิรูปเศรษฐกิจ กระทั่งผู้นำบางคนเริ่มพูดถึงอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กรีซจะเป็นชาติแรกที่ออกจากยูโรโซน
ในวันเสาร์ (20) ยานิส วารูฟากิส รัฐมนตรีคลังกรีซ เขียนบทความในลงในหนังสือพิมพ์ชั้นนำของเยอรมนี ให้สัญญาว่า เอเธนส์เตรียมพร้อมประนีประนอมกับเจ้าหนี้ ตราบเท่าที่จะไม่ถูกบังคับให้ต้องรับเงื่อนไขที่ทำให้กรีซหมดหวังในการชำระหนี้ เหมือนที่รัฐบาลชุดก่อนๆ เคยเจอมา
การต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของกรีซได้รับการสนับสนุนจากทั่วยุโรป โดยในวันเดียวกันนั้น โดยมีรายงานว่า มีผู้ออกมาชุมนุมประท้วงมาตรการนี้นับหมื่น ทั้งในลอนดอน เบอร์ลิน และปารีส
วารูฟากิสสำทับว่า นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี ต้องตัดสินใจเด็ดขาดว่า จะยอมรับข้อตกลงของเอเธนส์หรือไม่
ทางด้านนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสของกรีซ เมื่อวันเสาร์ได้หารือกับทีมที่จะเดินทางไปเจรจากับเจ้าหนี้ ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีของเขาในวันอาทิตย์ (21) นอกจากนี้ ยังเป็นที่คาดว่า ซีปราส ได้หารือทางโทรศัพท์กับฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปในช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อพยายามผ่าทางตันก่อนถึงการประชุมฉุกเฉินผู้นำยูโรโซนในวันจันทร์ (22) ที่กรุงบรัสเซลส์
ขณะเดียวกัน เจอโรน ดิจเซลโบลม รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประธานของที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือที่เรียกกันว่า “ยูโรกรุ๊ป” ได้ออกมาประกาศเลื่อนการประชุมในวันจันทร์ให้เร็วขึ้น 2 ชั่วโมงครึ่ง เป็นช่วงเที่ยงครึ่งตามเวลาท้องถิ่นของบรัสเซลส์ ขณะที่การประชุมสุดยอดนั้นจะเริ่มต้นเวลา 19.00 น.
รัฐมนตรีหลายคนของยุโรปไม่คิดว่า จะมีข้อตกลงสุดท้ายกันได้ในวันจันทร์ แต่อาจบรรลุความเข้าใจทางการเมืองเพื่อปูทางสู่ข้อตกลงที่สมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนนี้
กรีซนั้นต้องการเงินกู้เพื่อนำไปชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ 1,600 ล้านยูโรในวันที่ 30 เดือนนี้ ซึ่งหากไม่สามารถทำได้ ก็มีความเสี่ยงว่าจะยังได้รับการสนับสนุนจากอีซีบี รวมถึงจะยังคงอยู่ในยูโรโซน ได้ต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้อีซีบีเป็นผู้ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนค้ำจุนฐานะของพวกธนาคารกรีซอยู่
จากแนวโน้มดังกล่าว จึงกำลังกดดันให้ชาวกรีซแห่ถอนเงินออกจากแบงก์ ส่งผลให้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (19) อีซีบีต้องเพิ่มทุนสำรองสภาพคล่องฉุกเฉินที่ปล่อยให้พวกธนาคารกรีซเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ และมีแนวโน้มว่า หากปราศจากความคืบหน้าในการประชุมสุดยอดวันจันทร์ กรีซอาจต้องประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุน
อีวัลด์ โนวอตนีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรียและสมาชิกคณะมนตรีบริหารของอีซีบี เผยว่า หากกรีซผิดนัดชำระหนี้จะถือเป็นการล้มละลายทางเทคนิค อันนำมาซึ่งความปั่นป่วนวุ่นวายทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการออกจากยูโรโซนและกลับไปใช้เงินสกุลแดรกมา
ทางด้าน แจ็ค ลูว์ รัฐมนตรีคลังอเมริกา ตอกย้ำความกังวลของนานาชาติเกี่ยวกับผลกระทบจากการออกจากยูโรโซนของกรีซ โดยกล่าวว่า ขณะนี้ ขึ้นอยู่กับเอเธนส์ในการยอมประนีประนอมกับเจ้าหนี้
อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ซีปราส ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายไซริซา ที่ชนะการเลือกตั้งในเดือนมกราคมจากการให้สัญญานำกรีซออกจากมาตรการรัดเข็มขัด จะยินดีประนีประนอมหรือไม่
ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการรัดเข็มขัดของไอเอ็มเอฟ อียู และอีซีบี แลกกับแพกเกจเงินกู้ช่วยเหลือรวม 2 รอบ เศรษฐกิจกรีซร่วงลง 25% ค่าแรงและบำนาญถูกตัด ประชาชน 1 ใน 4 ตกงาน
กระนั้น ชาวกรีซส่วนใหญ่ยังต้องการอยู่ในยูโรโซน โดยผลสำรวจที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (21) ระบุว่า ประชาชน 62% เชื่อว่า การกลับไปใช้เงินแดรกมา จะทำให้สถานการณ์ของกรีซเลวร้ายลง มีเพียง 22% เห็นควรออกจากระบบเงินตรายูโร
ขณะเดียวกัน SETE สมาคมการท่องเที่ยวกรีซให้สัมภาษณ์นิตยสารออนไลน์ฉบับหนึ่งของเยอรมนีว่า การออกจากยูโรโซนจะทำให้กรีซกลับไปสู่ระดับประเทศกำลังพัฒนา