เอเจนซีส์ – นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษเตือน ประเทศของเขาอาจต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หาก ฌอง-โคลด จุงเกอร์ อดีตผู้นำลักเซมเบิร์ก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอังเกลา แมร์เคิล นายกฯเยอรมนี ได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการยุโรปคนใหม่ ด้านนายกฯ อิตาลีรับลูก ชี้จุงเกอร์ไม่ใช่ตัวเลือกเดียว ขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็เสนอชื่ออดีตขุนคลังแดนน้ำหอมลงแข่ง อย่างไรก็ตาม ตัวจุงเกอร์เองมั่นใจผู้นำส่วนใหญ่ในอียูให้การสนับสนุน
นิตยสารแดร์ ชปีเกลของเยอรมนีรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (1) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่ร่วมประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (อียู) ที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันอังคารที่แล้ว (27 พ.ค.) ว่า คาเมรอนเตือนเรื่องดังกล่าวกับอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่ให้การสนับสนุนจุงเกอร์ โดยที่ จุงเกอร์ มีฐานะเป็นผู้สมัครจาก “กลุ่มพรรคยูโรเปียน พีเพิลส์ ปาร์ตี้” หรือกลุ่มกลาง-ขวา ซึ่งเป็นกลุ่มที่กวาดที่นั่งได้มากที่สุดในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปสัปดาห์ที่แล้ว
นายกรัฐมนตรีอังกฤษบอกกับแมร์เคิลว่า การเลือกจุงเกอร์ขึ้นเป็นประธานคณะกรรมาธิการยุโรป จะบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาลอังกฤษ จนถึงจุดซึ่งต้องจัดการลงประชามติก่อนกำหนด เพื่อให้ประชาชนตัดสินว่า อังกฤษยังจะเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปต่อไปหรือไม่ โดยที่มีแนวโน้มว่า พวกผู้ออกเสียงจะโหวตเลือกการถอนตัวจากอียู ทั้งนี้ คาเมรอนเคยให้สัญญาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะจัดการลงประชามติเรื่องนี้ในปี 2017
“นักการเมืองซึ่งมาจากทศวรรษ 1980 ไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้าได้หรอก” ชปีเกลคัดลอกคำสัมภาษณ์ของคาเมรอนมาเผยแพร่
คาเมรอนนั้นแสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับตัวจุงเกอร์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนให้อียูรวมตัวกันในลักษณะเป็นสหพันธรัฐมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาอียูที่เพิ่งผ่านพ้นไป พรรคคอนเซอร์เวทีฟของคาเมรอน ต้องพ่ายแพ้ต่อพรรคยูเคไอพีที่มีนโยบายต่อต้านอียู
อย่างไรก็ตาม ทางด้านโฆษกรัฐบาลอังกฤษปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของแดร์ ชปีเกล โดยระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องผู้สมัครตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรป
ก่อนหน้านี้ ในวันศุกร์ที่แล้ว (30 พ.ค.) แมร์เคิล ได้ออกมาแถลงว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับทัศนคติมุมมองหากจุงเกอร์ได้เป็นประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งก็เท่ากับเป็นการประกาศสนับสนุนนักการเมืองรุ่นลายครามผู้นี้อย่างชัดเจนที่สุด
ทว่า นอกจากคาเมรอนแล้ว แหล่งข่าวมากมายในยุโรปยังแย้มว่า เฟรดริก เรนเฟลต์ ผู้นำสวีเดน, วิกเตอร์ ออร์บาน ผู้นำฮังการี, มาร์ก รูทเทอร์ ผู้นำเนเธอร์แลนด์ และยูร์กิ กาไตเนน ผู้นำฟินแลนด์ ต่างต่อต้านจุงเกอร์เช่นเดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้น หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนียังรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (1) ว่า สัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศส ก็ได้บอกกับแมร์เคิลว่า อียูจำเป็นต้องส่งสัญญาณแสดงความยืดหยุ่นไปถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในฝรั่งเศส หลังจากพรรคเนชันแนล ฟรอนต์ ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดที่ต่อต้านอียู ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในยุโรปด้วยคะแนนเกือบ 25%
แหล่งข่าวเผยว่า นอกจากเรียกร้องให้อียูผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่แล้ว ออลลองด์ยังเสนอชื่อปิแอร์ มอสโควิชี อดีตรัฐมนตรีคลังแดนน้ำหอมลงชิงตำแหน่งกับจุงเกอร์
นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี ของอิตาลี ยังกล่าวในการประชุมเศรษฐกิจที่เมืองเตรนโต ทางเหนือของประเทศว่า จำเป็นต้องมีการหารือทางการเมืองเพื่อตัดสินใจว่า ใครจะก้าวขึ้นเป็นประธานคณะกรรมาธิการยุโรปคนต่อไป และสำทับว่า จุงเกอร์ไม่ใช่ผู้สมัครเพียงรายเดียว ไม่ใช่ผู้ที่มีเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนอย่างแน่นอนแล้ว และไม่มีสิทธิ์รับตำแหน่งดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
เรนซี ผู้นำพรรคเดโมเครติก ปาร์ตี้ พรรคการเมืองแนวกลาง-ซ้ายที่ได้ที่นั่งในสภายุโรปมากที่สุดในอิตาลี ยังบอกว่า สิ่งสำคัญคือการพิจารณาเน้นไปที่วาระทางการเมืองของคณะกรรมาธิการยุโรป มากกว่าสนใจว่า ใครจะได้เป็นประธานขององค์กรบริหารของอียูนี้
ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมานั้น ผู้นำอียูจะเป็นผู้เสนอชื่อประธานกรรมาธิการยุโรป แต่ภายใต้กฎใหม่ เหล่าผู้นำต้องพิจารณาผลการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปประกอบด้วย แม้ว่าความหมายถ่องแท้ของกฎข้อนี้ยังไร้ความชัดเจนก็ตาม นอกจากนี้ รัฐสภายุโรปยังต้องลงมติอนุมัติ ดังนั้น จุงเกอร์จึงมีอุปสรรคสำคัญคือ พรรคการเมืองที่ต่อต้านอียู ซึ่งได้ที่นั่งในสภาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
กระนั้น ดูเหมือนเจ้าตัวยังมั่นใจว่า จะได้นั่งเก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แม้ถูกต่อต้านจากหลายประเทศ
จุงเกอร์ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์กถึง 19 ปี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์บิลด์ว่า ผู้นำส่วนใหญ่ในอียู ตลอดจนพรรครัฐบาลสายคริสเตียน-เดโมแครตและโซเชียลลิตส์ ล้วนให้การสนับสนุนตน
ทั้งนี้ นอกจากเป็นผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งของประเทศยุโรปซึ่งครองตำแหน่งมาอย่างยาวนานที่สุด จวบจนกระทั่งแพ้เลือกตั้งในลักเซมเบิร์กเมื่อปีที่แล้ว จุงเกอร์ยังถือเป็นลูกหม้ออียูตัวจริง อีกทั้งเป็นผู้นำกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน ฝ่าฟันวิกฤตเลวร้ายที่สุดในช่วงก่อนหน้านี้
