รอยเตอร์/นิวสเตรทไทมส์ – องค์กรการกุศลของมาเลเซียออกมาปฏิเสธข่าวของส.ส.ในรัฐกลันตันที่ระบุว่าทางองค์กรให้เงินช่วยเหลือกลุ่มติดอาวุธใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเพื่อเอาไปใช้ในการเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน ขณะที่เจ้าหน้าที่ในรัฐกลันตันเผยกำลังทำการสอบสวนกรณีดังกล่าวอยู่
องค์การสวัสดิการสังคมของมาเลเซียหรือเปอร์กิมซึ่งมีกิจกรรมทางด้านการกุศลเพื่อคนยากจนและเด็กกำพร้าออกมาเผยในวันนี้ (9 ธ.ค.) ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้เงินกับกลุ่มหัวรุนแรงในภาคใต้ของไทยดังเช่นส.ส.ของรัฐกลันตันซึ่งอยู่ติดกับชายแดนของไทยออกมากล่าวไว้เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.)
นูร์ มุฮัมหมัด บัคเกอร์รองประธานของเปอร์กิมให้สัมภาษณ์ว่าเขารู้สึกตกใจกับการออกมาพูดของส.ส.รายนี้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางองค์กรได้แจ้งไปยังเปอร์กิมสาขารัฐกลันตันให้รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว โดยในเบื้องต้นที่สำนักงานใหญ่ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับหน่วยงานในรัฐดังกล่าว
ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ของมาเลเซียหลายฉบับรายงานในวันนี้ว่าองค์การปลดปล่อยปัตตานีหรือพูโลที่ต้องการปกครองตนเองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นได้รับเงินจำนวน 10% ของเงินในกองทุนเปอร์กิมที่มีอยู่เป็นจำนวน 1.2 ล้านริงกิตหรือประมาณ 12 ล้านบาท
ดาโต๊ะ อันนูอาร์ มูซากล่าวในการพิจารณางบประมาณของรัฐกลันตันวานนี้ (8) ว่าเปอร์กิมได้ขายสัมปทานการทำป่าไม้เป็นเงิน 2.4 ล้านริงกิต และครึ่งหนึ่งของเงินจำนวนดังกล่าวจะต้องถูกส่งเข้ากองทุน แต่เงินจำนวนนี้ได้หายไป
“จากการตรวจสอบแล้วพบว่า 10% ของเงินจำนวน 1.2 ล้านริงกิตถูกส่งให้กับบริษัทบางแห่งในตะวันออกกลาง อีก 10% ส่งให้กับหัวหน้าฝ่ายธุรการของเปอร์กิม” อันนูอาร์กล่าว
นอกจากนี้อันนูอาร์จะเล่าอีกว่าเขารู้สึกประหลาดใจมากเมื่อพบว่า 10% ของเงินถูกส่งให้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเขาได้ระบุชื่อว่าเป็นกลุ่มพูโลตั้งแต่มีการสัมปทานป่าไม้ใกล้กับพรมแดนของไทย
ด้านฮุซัม มูซาคณะกรรมาธิการด้านพัฒนาสังคมและการวางแผนการเงินเผยว่าเงินจำนวน 1.2 ล้านริงกิตถูกส่งเข้ากองทุนโดนมีสำนักงานทนายความแห่งหนึ่งดูแลอยู่เมื่อปี 2000 อีกทั้งในปีเดียวกันเปอร์กิมยังส่งจดหมายมายังสำนักงานว่าเงินจำนวนดังจะต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากทางเปอร์กิม
ทั้งนี้ฮุซัมเผยว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกถอนออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเปอร์กิม ซึ่งทางองค์กรได้แจ้งความกับตำรวจในเรื่องนี้แล้วเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนปีนี้
องค์การสวัสดิการสังคมของมาเลเซียหรือเปอร์กิมซึ่งมีกิจกรรมทางด้านการกุศลเพื่อคนยากจนและเด็กกำพร้าออกมาเผยในวันนี้ (9 ธ.ค.) ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้เงินกับกลุ่มหัวรุนแรงในภาคใต้ของไทยดังเช่นส.ส.ของรัฐกลันตันซึ่งอยู่ติดกับชายแดนของไทยออกมากล่าวไว้เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.)
นูร์ มุฮัมหมัด บัคเกอร์รองประธานของเปอร์กิมให้สัมภาษณ์ว่าเขารู้สึกตกใจกับการออกมาพูดของส.ส.รายนี้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางองค์กรได้แจ้งไปยังเปอร์กิมสาขารัฐกลันตันให้รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว โดยในเบื้องต้นที่สำนักงานใหญ่ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับหน่วยงานในรัฐดังกล่าว
ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ของมาเลเซียหลายฉบับรายงานในวันนี้ว่าองค์การปลดปล่อยปัตตานีหรือพูโลที่ต้องการปกครองตนเองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นได้รับเงินจำนวน 10% ของเงินในกองทุนเปอร์กิมที่มีอยู่เป็นจำนวน 1.2 ล้านริงกิตหรือประมาณ 12 ล้านบาท
ดาโต๊ะ อันนูอาร์ มูซากล่าวในการพิจารณางบประมาณของรัฐกลันตันวานนี้ (8) ว่าเปอร์กิมได้ขายสัมปทานการทำป่าไม้เป็นเงิน 2.4 ล้านริงกิต และครึ่งหนึ่งของเงินจำนวนดังกล่าวจะต้องถูกส่งเข้ากองทุน แต่เงินจำนวนนี้ได้หายไป
“จากการตรวจสอบแล้วพบว่า 10% ของเงินจำนวน 1.2 ล้านริงกิตถูกส่งให้กับบริษัทบางแห่งในตะวันออกกลาง อีก 10% ส่งให้กับหัวหน้าฝ่ายธุรการของเปอร์กิม” อันนูอาร์กล่าว
นอกจากนี้อันนูอาร์จะเล่าอีกว่าเขารู้สึกประหลาดใจมากเมื่อพบว่า 10% ของเงินถูกส่งให้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเขาได้ระบุชื่อว่าเป็นกลุ่มพูโลตั้งแต่มีการสัมปทานป่าไม้ใกล้กับพรมแดนของไทย
ด้านฮุซัม มูซาคณะกรรมาธิการด้านพัฒนาสังคมและการวางแผนการเงินเผยว่าเงินจำนวน 1.2 ล้านริงกิตถูกส่งเข้ากองทุนโดนมีสำนักงานทนายความแห่งหนึ่งดูแลอยู่เมื่อปี 2000 อีกทั้งในปีเดียวกันเปอร์กิมยังส่งจดหมายมายังสำนักงานว่าเงินจำนวนดังจะต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายจนกว่าจะได้รับคำสั่งจากทางเปอร์กิม
ทั้งนี้ฮุซัมเผยว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกถอนออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเปอร์กิม ซึ่งทางองค์กรได้แจ้งความกับตำรวจในเรื่องนี้แล้วเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนปีนี้